แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติ ญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. 2477 มาตรา 3 กำหนดให้ผู้กระทำผิดตามมาตราที่ระบุไว้ เมื่อถูกศาลพิพากษาลงโทษแล้วต้องผูกพันในการจ่ายสินบนนำจับแก่ผู้จับ นำจับ หรือนำความมาแจ้งต่อเจ้าพนักงานด้วย แต่ไม่มีข้อความตอนใดที่ระบุให้อำนาจแก่พนักงานอัยการที่จะร้องขอต่อศาลให้สั่งจำเลยจ่ายเงินสินบนแก่บุคคลดังกล่าวได้ ส่วนมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติ มาตรา ชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 เป็นบทบัญญัติว่าด้วยการฟ้องเพื่อเอาโทษแก่ผู้กระทำผิด แต่การชำระเงินค่าสินบนมิใช่โทษจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 39 ที่ให้อำนาจพนักงานอัยการร้องขอให้บังคับผู้กระทำผิดได้ กรณีเป็นเรื่องที่เป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้จับนำจับ หรือนำความมาแจ้งต่อเจ้าพนักงานเท่านั้นที่จะร้องขอต่อศาลพนักงานอัยการไม่มีอำนาจร้องขอต่อศาลให้สั่งจำเลยจ่ายเงินสินบนได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเครื่องชั่งสปริง ซึ่งมีเข็มชี้อัตราน้ำหนักตามหน้าปัดและมีพิกัดกำลัง 15 กิโลกรัม อันเป็นเครื่องชั่งชนิดที่ 6 จำนวน 1 เครื่อง ไว้ในความครอบครองของจำเลยซึ่งเป็นเครื่องชั่งที่ผิดอัตรา ไม่ถูกต้องตามความประสงค์ทุกประการของพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 กล่าวคือเมื่อชั่งสินค้าที่มีน้ำหนักแท้จริง 0.7 กิโลกรัม จะชั่งได้1 กิโลกรัม ทั้งนี้จำเลยมีไว้เพื่อใช้ในกิจการต่อเนื่องกับผู้อื่นและในพาณิชยกิจของจำเลย และมีไว้เพื่อใช้เพื่อเอาเปรียบในการค้าโดยมีไว้เพื่อใช้ชั่งขนมจีนจำหน่าย และจำเลยได้ใช้เครื่องชั่งดังกล่าวชั่งสินค้าขนมจีนขายให้แก่ลูกค้าซึ่งอยู่ในกิจการค้าอันต่อเนื่องกับผู้อื่นและในพาณิชยกิจของจำเลยเพื่อเอาเปรียบในการค้ามีผู้แจ้งต่อเจ้าพนักงานเพื่อหวังสินบนนำจับ เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมเครื่องชั่งดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 มาตรา 31, 38พระราชบัญญัติ มาตรา ชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. 2477 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 270ริบของกลาง จ่ายสินบนแก่ผู้แจ้งต่อเจ้าพนักงานด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 270 และพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 มาตรา 31อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 เดือน ปรับ 1,000 บาทจำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอไว้1 ปี ของกลางริบ คำขอให้จ่ายสินบนให้ยก โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าโจทก์มีอำนาจร้องขอต่อศาลให้สั่งจำเลยจ่ายเงินสินบนในคดีนี้หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว พระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2477 มาตรา 3 บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 29, 30, 31, 32, 33,34, 35 และ 36 แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466และได้ถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษ ท่านว่า ผู้กระทำผิดนั้น ๆ จะต้องชำระเงินค่าสินบนให้แก่ผู้จับ นำจับ หรือนำความมาแจ้งต่อเจ้าพนักงานในอัตราไม่เกินร้อยละ 20 แห่งเงินค่าปรับแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร” เห็นว่าตามบทบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้ผู้กระทำผิดต่าง ๆ ตามมาตราที่ระบุไว้ เมื่อถูกศาลพิพากษาลงโทษแล้วจำต้องผูกพันในการจ่ายสินบนนำจับแก่ผู้จับ นำจับ หรือนำความมาแจ้งต่อเจ้าพนักงานด้วย แต่ก็ไม่มีข้อความตอนใดที่ระบุให้อำนาจแก่โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานอัยการที่จะร้องขอต่อศาลให้สั่งจำเลยจ่ายเงินสินบนแก่บุคคลดังกล่าวได้ ส่วนมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติ มาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 ดังที่โจทก์อ้างก็เป็นบทบัญญัติว่าด้วยการฟ้องเพื่อเอาโทษแก่ผู้กระทำผิด แต่การชำระเงินค่าสินบนตามมาตรา 3 ดังกล่าวข้างต้นมิใช่โทษ จึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 39 ที่ให้อำนาจพนักงานอัยการร้องขอให้บังคับผู้กระทำผิดได้ กรณีเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องที่เป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้จับ นำจับ หรือนำความมาแจ้งต่อเจ้าพนักงานเท่านั้นที่จะร้องขอต่อศาล โจทก์จึงไม่มีอำนาจร้องขอต่อศาลให้สั่งจำเลยจ่ายเงินสินบนในคดีนี้ได้ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน