คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2843/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยผู้ขายสินค้าว่าจ้างโจทก์ให้ขนส่งสินค้าทางอากาศจากประเทศไทยไปส่งแก่ผู้ซื้อที่ต่างประเทศ โดยตกลงกันให้ชำระค่าระวาง และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เป็นสองส่วน ส่วนแรกให้เรียกเก็บจากจำเลย ส่วนที่สองให้เรียกเก็บจากผู้ซื้อที่ปลายทาง แต่ก็ไม่ได้ตกลงกันไว้ว่า ในกรณีที่โจทก์เรียกเก็บส่วนที่สองจากผู้ซื้อไม่ได้ โจทก์สิ้นสิทธิที่จะเรียกร้องเอาจากจำเลย ดังนั้น เมื่อโจทก์ขนส่งสินค้าของจำเลยไปส่งให้แก่ผู้ซื้อเรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถเรียกเก็บส่วนที่สองจากผู้ซื้อ โจทก์ผู้ขนส่งในฐานะเป็นคู่สัญญารับขนของทางอากาศกับจำเลย จึงมีสิทธิเรียกให้จำเลยในฐานะ คู่สัญญาให้ชดใช้ส่วนที่ขาดได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 458,437.73 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 429,905 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่าพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความรับกันและไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ขายสินค้าว่าจ้างโจทก์ให้ขนส่งสินค้าทางอากาศจากประเทศไทยไปส่งแก่ผู้ซื้อสินค้าที่ประเทศสหรัฐอเมริการวม 6 เที่ยว รายละเอียดข้อตกลงในการขนส่งปรากฏตาม ใบตราส่งทางอากาศ นอกจากนี้จำเลยและโจทก์ตกลงกันให้คิดค่าระวางและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมเป็นเงิน 1,952,347.82 บาท แบ่งชำระเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 จำนวน 1,522,422.82 บาท เรียกเก็บจากจำเลย ส่วนที่ 2 จำนวน 429, 905 บาท เรียกเก็บจากผู้ซื้อที่ปลายทาง โจทก์ขนส่งสินค้าของจำเลยไปส่งให้แก่ผู้ซื้อสินค้าเรียบร้อยแล้ว และจำเลยชำระค่าระวางและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แก่โจทก์เป็นเงิน 1,522,442.82 บาท แล้ว ส่วนที่ขาดอีกจำนวน 429,905 บาท โจทก์เรียกเก็บจากผู้ซื้อสินค้าไม่ได้เพราะผู้ซื้อไม่ยอมชำระให้ จึงให้ทนายความมีหนังสือเรียกเก็บจากจำเลยและ จำเลยได้รับหนังสือของทนายความแล้ว แต่จำเลยไม่ชำระภายใน 7 วัน ตามกำหนด
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีเพียงประการเดียวว่า จำเลยต้องรับผิดชำระค่าระวางและ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ส่วนที่ขาดอีกจำนวน 429,905 บาท แก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์และจำเลยจะตกลงกันให้เก็บ ค่าระวางและค่าใช้จ่ายส่วนที่ 2 จำนวน 429,905 บาท จากผู้ซื้อที่ปลายทาง แต่ก็ไม่ได้ตกลงกันไว้ว่า ในกรณีที่โจทก์เรียกเก็บส่วนที่ 2 จำนวน 429,905 บาท จากผู้ซื้อที่ปลายทางไม่ได้ โจทก์สิ้นสิทธิที่จะเรียกร้องเอาจากจำเลย ในใบตราส่ง ก็ระบุในช่องค่าระวางไว้แต่เพียงว่าค่าระวางมี 2 ส่วน คือส่วนที่ชำระล่วงหน้า และส่วนที่เรียกเก็บโดย ไม่ได้ระบุจำนวนค่าระวางไว้และไม่ได้มีเงื่อนไขใด ๆ ว่า หากเรียกเก็บจากผู้ซื้อไม่ได้แล้ว โจทก์หมดสิทธิเรียกเอาจากจำเลยซึ่งเป็นผู้ส่ง ดังนั้น เมื่อโจทก์ผู้ขนส่งกับจำเลยผู้ส่งเป็นคู่สัญญาตามสัญญารับขนของทางอากาศกันโดยตรง โจทก์จึงฟ้องจำเลยในฐานะคู่สัญญาให้รับผิดชดใช้ค่าระวางและค่าใช้จ่ายส่วนที่ยังไม่ได้รับชำระได้ จำเลยจึงต้องรับผิดชำระค่าระวางและค่าใช้จ่ายส่วนที่ขาดอีกจำนวน 429,905 บาท แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ทวงถามแล้ว และจำเลยไม่ชำระภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่จำเลยได้รับหนังสือทวงถามเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2543 ตามที่หนังสือทนายความ ให้เวลาไว้ ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ผิดนัดต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2543 อันเป็นวันผิดนัดแก่โจทก์อีกด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 429,905 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2543 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 10,000 บาท

Share