แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ภายหลังจากหนี้ขาดอายุความแล้ว จำเลยมีหนังสือรับรองยอดหนี้สิน ที่ค้างชำระส่งไปยังผู้อำนวยการ กองตรวจเงินรัฐวิสาหกิจและเงินทุนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินระบุว่า จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ และจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์บางส่วนถือได้ว่าจำเลยละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความจำเลยจึงไม่มีสิทธิยกอายุความขึ้นต่อสู้และต้องรับผิดชำระหนี้ที่ค้างให้แก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งซื้อปลาชนิดต่าง ๆ จากโจทก์หลายครั้งคิดถึงวันฟ้องจำเลยเป็นหนี้โจทก์รวมทั้งดอกเบี้ยเป็นเงิน 3,415,489 บาท โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยผ่อนชำระให้ 207,812 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้เรียกร้องให้จำเลยชำระเงินภายใน 2 ปี คดีจึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน 2,212,267 บาท 50 สตางค์พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์กับจำเลยทำสัญญาซื้อขายสัตว์น้ำติดต่อกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 ครั้งสุดท้ายทำสัญญาวันเดียวกัน 2 ฉบับ ลงวันที่16 สิงหาคม 2519 กำหนดให้จำเลยชำระค่าสินค้าให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 สิงหาคม2520 แต่เมื่อพ้นกำหนดแล้ว จำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่ ต่อมาโจทก์ได้มีหนังสือถึงจำเลยให้แจ้งยอดหนี้ที่ค้างไปยังผู้อำนวยการกองตรวจเงินรัฐวิสาหกิจและเงินทุนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน จำเลยจึงได้ลงชื่อในหนังสือรับรองยอดบัญชีหนี้สินตามเอกสารหมาย จ.30 และ จ.34 ซึ่งระบุว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์คิดถึงวันที่ 30กันยายน 2523 เป็นเงิน 1,513,781 บาท 70 สตางค์ และ 906,298 บาท 50 สตางค์ตามลำดับ ส่งไปตามความประสงค์ของโจทก์ ก่อนฟ้องโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ที่ค้าง จำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนโดยเช็คธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การจำกัด และโจทก์ออกใบรับเงินให้แก่จำเลยตามเอกสารหมาย จ.1 และ จ.3 ลงวันที่17 พฤษภาคม 2524 และ 11 มีนาคม 2524 ตามลำดับ เช็คตามที่ระบุในเอกสารเหล่านี้ย่อมจะลงวันที่สั่งจ่ายในระยะเวลาใกล้เคียงกันกับวันที่ลงในใบรับเงินนั้นด้วยเมื่อเป็นเช่นนี้แม้หนี้ตามฟ้องจะขาดอายุความ ที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์บางส่วนในระยะเวลาดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะยกอายุความขึ้นต่อสู้และต้องรับผิดชำระหนี้ที่ค้างให้แก่โจทก์
พิพากษายืน