แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายตามไปพบจำเลยและพูดขอแบ่งวัวจากจำเลย จำเลยไม่ยอมแบ่งและชวนให้ไปตกลงกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านหรือที่บ้านกำนันแต่ผู้ตายไม่ยอมไป กลับชักปืนออกมาจากเอว จำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้ตายจะใช้ปืนนั้นยิงจำเลยอันเป็น ภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็น ภยันตรายที่ใกล้จะถึงการที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายไป 1 นัด และผู้ตายถึงแก่ความตายจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายหวล 1 นัด โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกนายหวลถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การว่าได้ใช้ปืนยิงนายหวล 1 นัดจริงแต่เพื่อป้องกันสิทธิของตนเอง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุอันเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ตายพี่ชายนางไล้ภริยาจำเลยตามไปพบจำเลยเพื่อเจรจาขอแบ่งวัวจากจำเลยเพื่อนำไปให้นางไล้ จำเลยไม่ยอมแบ่ง จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น จำเลยชวนให้ไปตกลงกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านหรือที่บ้านกำนัน แต่ผู้ตายไม่ยอมไปกลับจะบังคับให้จำเลยตกลง โดยผู้ตายเป็นฝ่ายชักปืนออกมาจากเอวก่อนเช่นนี้จำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้ตายจะใช้ปืนยิงจำเลยอันเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายไปนั้น จึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิด
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น