คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอาหนี้ที่ค้างชำระประเภทอื่นมาเปลี่ยนทำเป็นสัญญากู้เงินกันท่านว่าเป็นสัญญากู้เงินที่ใช้ได้ ดอกเบี้ย วิธีคิดดอกเบี้ย ดอกเบี้ยที่ค้างชำระก่อนใช้ประมวลแพ่ง ฯ คิดให้ตอนหนึ่งต่อจากใช้ประมวลแพ่งแล้วคิดให้เพียง 5 ปี แลให้นับถอยหลังจากวันฟ้องขึ้นไป (ไม่เกิน 5 ปี) วิธีพิจารณาแพ่ง อย่างไรเรียกว่าเป็นการเปลี่ยนประเด็นข้อหาคำร้องที่ยื่นภายหลังฟ้องโดยบรรยายความจริง ให้ฟังไม่เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนประเด็นข้อหา

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องแลยื่นคำร้องว่าจำเลยที่ ๑ ซื้อข้าวโจทก์ไป ๔๐๐ บาท ใช้ให้แล้ว ๑๐๐ บาท ยังค้างอีก ๓๐๐ บาทจึงได้ทำเป็นสัญญากู้ไว้ให้ จำเลยที่ ๒ ซึ่งทำกิจการค้าร่วมกันเป็นผู้ค้ำประกัน สัญญานี้ทำกันเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ จำเลยค้างส่งดอกเบี้ยโจทก์จึงฟ้องขอให้ใช้ต้นเงินแลดอกเบี้ยที่ค้าง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าไม่ได้ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ ๑ แลว่าการที่โจทก์ยื่นคำร้องบรรยายความภายหลังฟ้องเป็นการเปลี่ยนประเด็นข้อหา
ศาลเดิมให้จำเลยที่ ๑ ใช้ต้นเงิน แลดอกเบี้ยตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ ๒ ฟังว่าไม่ได้เป็นผู้ค้ำประกัน ให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลเดิมให้จำเลยทั้ง ๒ ใช้ต้นเงินแลดอกเบี้ยให้โจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่เอาหนี้ค้างชำระค่าข้าวเปลือกมาเปลี่ยนทำเป็นสัญญากู้เป็นการทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญาโจทก์ได้ยื่นคำร้องบรรยายความจริงให้ฟังไม่เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนประเด็นอย่างไร แลฟังว่าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน จึงพิพากษาให้จำเลยทั้ง ๒ ใช้ต้นเงินแลดอกเบี้ย ส่วนดอกเบี้ยที่จะพึงต้องใช้นั้นสำหรับในระยะเวลาแต่วันใช้ประมวลแพ่ง ๆ บรรพ ๑-๒ ในวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๘ มาจนถึงวันฟ้องให้ใช้ดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องนับถอยหลังขึ้นไปไม่ให้เกิน ๕ ปี ส่วนดอกเบี้ยก่อนนั้นขึ้นไปที่ค้างอยู่ ๒ เดือน ๑๓ วันที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ใช้ด้วยให้พิพากษายืนตาม

Share