คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิทธิการฟ้องร้อง
โจทก์ต้องการจะแบ่งแยกที่ดินส่วนหนึ่งซึ่งศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าเป็นของจำเลย ออกไปเสียจากโฉนดของโจทก์ ก็เป็นเรื่องของโจทก์เองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจำเลย คดีของโจทก์ยังไม่มีการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะมาฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมาย วิ.แพ่ง ม.55.

ย่อยาว

เรื่อง ที่ดิน ขอแบ่งแยก
คดีนี้สืบเนื่องมาจากสำนวนคดีแพ่งแดงที่ ๒๒๖/๙๖ ของศาลจังหวัดราชบุรี ซึ่งโจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ ๖๔๐๗ เนื้อที่ ๑๔ ไร่เศษ นายชิดจำเลยที่ ๑ เป็นพี่ของนายเกาจำเลยที่ ๒ และเป็นผู้อาศัยโจทก์ปลูกโรงเรือนอยู่ในทีดินของโจทก์นี้เป็นเนื้อที่ประมาณ ๑ งานเศษ บัดนี้จำเลยกลับโต้แย้งกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ขอให้ขับไล่และให้จำเลยรื้อโรงเรือนออกไป จำเลยต่อสู้ว่าตลอดบริเวณที่ดินที่จำเลยปลูกเรือนเป็นที่ดินของจำเลยเองครอบครองในฐานะที่เป็นเจ้าของมาเ๓๐ ปีเศษแล้ว เมื่อทำแผนที่วิวาทโจทก์นำชี้ที่พิพาทตามฟ้องว่าอยู่ภายในวงเส้นสีดำ เนื้อที่ประมาณ ๑ งานเศษ จำเลยนำชี้ที่ของจำเลยว่าอยู่ภายในวงเส้นสีเขียว (รวมวงเส้นสีดำนั้นด้วย) เนื้อที่ ๔ ไร่เศษ คดีนั้นถึงที่สุดชั้นศาลอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณืพิพากษาว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทเท่าบริเวณที่จำเลยปลูกเรือนอยู่โดยถือสิทธิเป็นเจ้าของมเกิน ๑๐ ปีแล้ว แม้ที่ตรงนี้จะอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ.ม.๑๓๘๒ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย พิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์นำคดีนี้มาฟ้อง+++ กล่าวความทำนองเดียวกับสำนวนเรื่องก่อนและว่าโจทก์ยอมให้ที่พิพาทเท่าบริเวณที่นายชิด (จำเลยในคดีก่อน) ปลูกเรือนอยู่เนื้อที่ประมาณ ๑ งาน เป็นกรรมสิทธิ์ของนายชิดโดยทางครอบครองตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ บัดนี้นายชิดตาย จำเลยเป็นภริยาผู้รับมรดกที่พิพาทของนายชิด โจทก์ได้บอกให้จำเลยไปจัดการยื่นคำขอ++แบ่งแยกที่พิพาทออกจากโฉนดของโจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่พิพาทเท่าบริเวณที่จำเลยปลูกเรือนอยู่ เนื้อที่ประมาณ ๑ งาน ออกไปจากโฉนดของโจทก์ และสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดแบ่งแยกโฉนดเนื้อที่ประมาณ ๑ งานดังกล่าวให้จำเลยไป
จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินของจำเลยอยู่ในวงเส้นสีเขียวตามแผนที่วิวาทในคดีก่อน เพราะครอบครองมา ๓๐ ปีเศษแล้ว จำเลยมิได้ทำละเมิดหรือทำให้เป็นที่เสียหายแก่โจทก์ประการใด และตัดฟ้องว่าเป็นการฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินภายในเขตโฉนดของโจทก์มีเนื้อที่ ๑ งานเศษตามแผนที่วิวาทในคดีก่อนเฉพาะที่ที่หมายเหตุไว้ว่าโจทก์นำรังวัดว่าเป็น++ที่โจทก์หาว่าจำเลยปลูกเรือนอาศัยอยู่ให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าในฟ้องไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้กระทำและจำเลยได้ไปโต้แย้งการกระทำของโจทก์แต่ประการใด คดีของโจทก์จึงยังไม่มีการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างโจทก์กับจำเลย โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะมาฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๕ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อโจทก์ต้องการจะแบ่งแยกที่ดินส่วนหนึ่งออกไปเสียจากโฉนดของโจทก์ ก็เป็นเรื่องของโจทก์เอง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจำเลย แล้วจะมาขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ไปยื่นคำร้องขอแบ่งแยกด้วยกันอย่างไรได้ คดีของโจทก์ยังไม่มีการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์ยังไม่มีสิทธิที่จะมาฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๕ พิพากษายืน.

Share