คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2822/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายโดยจำเลยที่ 1 จับคอเสื้อและใช้แขนรัดคอของผู้เสียหาย แล้วถามว่าเอ็งงัดบ้านข้าใช่ไหมผู้เสียหายปฏิเสธ จำเลยที่ 1 ขู่ผู้เสียหายให้รับสารภาพอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมรับสารภาพ จำเลยที่ 1ชักดาบปลายปืนยาวประมาณ 8 นิ้วฟุต ออกมาจี้หลังผู้เสียหายและขู่ให้รับสารภาพ ผู้เสียหายไม่ยอมรับสารภาพ จำเลยที่ 1 จึงสอดดาบปลายปืนเข้าไปในเสื้อของผู้เสียหายแล้วกรีดที่หลังและหน้าท้องของผู้เสียหายประมาณ 10 แห่ง กรีดเป็นรอยลึกและมีโลหิตไหลจำเลยที่ 2 ชักปืนออกมาจ่อที่ศีรษะของผู้เสียหายแล้วพูดว่าถ้าไม่รับจะยิงให้ตาย หลังจากเกิดเหตุแล้ว 5 วัน แพทย์ตรวจพบรอยตกสะเก็ด ที่เกิดจากของมีคมบาดที่ด้านหลังและที่หน้าเล็กน้อยบาดแผลหายภายใน 1 สัปดาห์ ดังนี้ถือได้ว่ากระทำให้เกิดอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 83 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ นายสมหมายผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 83 จำคุกคนละ 1 ปี จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองมาว่า จำเลยทั้งสองได้ทำร้ายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 หรือไม่ ในปัญหาดังกล่าวนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายโดยจำเลยที่ 1 จับคอเสื้อและใช้แขนรัดคอของผู้เสียหายแล้วถามว่า”เอ็งงัดบ้านข้าใช่ไหม” ผู้เสียหายปฏิเสธ จำเลยที่ 1 ขู่ผู้เสียหายให้รับสารภาพอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมรับสารภาพจำเลยที่ 1 จึงชักดาบปลายปืนยาวประมาณ 8 นิ้วฟุต ออกมาจี้หลังผู้เสียหายและขู่ให้รับสารภาพ ผู้เสียหายไม่ยอมรับสารภาพ จำเลยที่ 1 จึงสอดดาบปลายปืนเข้าไปในเสื้อของผู้เสียหายแล้วกรีดที่หลังและหน้าท้องของผู้เสียหายประมาณ 10 แห่ง กรีดเป็นรอยลึกและมีโลหิตไหล จำเลยที่ 2 ชักอาวุธปืนออกมาจ่อที่ศีรษะของผู้เสียหายแล้วพูดว่า ถ้าไม่รับจะยิงให้ตาย หลังจากเกิดเหตุแล้ว 5 วัน พนักงานสอบสวนส่งผู้เสียหายไปให้แพทย์ตรวจชันสูตรบาดแผลแพทย์บันทึกในรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลของผู้เสียหายว่าพบรอยตกสะเก็ดที่เกิดจากของมีคมบาดที่ด้านหลังและที่หน้าเล็กน้อยบาดแผลหายภายใน 1 สัปดาห์ ศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยประกอบด้วยลักษณะบาดแผลเช่นนี้ ถือได้ว่ากระทำให้เกิดอันตรายแก่กายของผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 แล้วหาใช่เป็นความผิดตามมาตรา 391 ดังที่จำเลยทั้งสองฎีกาไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทและวางโทษจำเลยต้องกันมานั้นชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขเป็นอย่างอื่น ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share