แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยเป็นลูกจ้างของบริษัทโจทก์ร่วมตำแหน่งผู้ช่วยพยาบาลแผนกห้องแพทย์ได้ทำปลอมใบสั่งซื้อยา สั่งยาบางรายการเป็นจำนวนมากเกินความจำเป็นของโจทก์ร่วม การสั่งซื้อยาดังกล่าวเป็นการกระทำในการดำเนินกิจการของโจทก์ร่วมและโจทก์ร่วมต้องเสียเงินค่ายาไปโดยมิใช่เป็นความประสงค์ของโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 268, 335, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 11ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514ข้อ 2 ริบของกลางและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคายาเป็นเงิน200,910.50 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นอนุญาตให้บริษัทห้างเซ็นทรัลดีพาทเมนท์สโตร์ จำกัด ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 ฐานปลอมเอกสารรวม 38 กระทง และผิดมาตรา 268ฐานใช้เอกสารปลอมรวม 38 กระทง ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมจำคุกกระทงละ 2 ปี รวม 76 ปี คำให้การชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้างอันเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 781 คงจำคุก 50 ปี8 เดือน แต่ให้ลงโทษจำคุก 10 ปี ตามมาตรา 91 ริบใบสั่งซื้อยาของกลาง ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคายานั้น เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องข้อหาลักทรัพย์นายจ้างแล้วจึงไม่สั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคายา ข้อหาอื่นให้ยกเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาผู้พิจารณาคดีในศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จึงฟังได้ว่า จำเลยไม่ได้รับมอบหมายจากแพทย์หญิงนินีให้ลงชื่อแทนในใบสั่งซื้อยา 38 ฉบับที่โจทก์ฟ้องการที่จำเลยลงลายมือชื่อแพทย์หญิงนินีในใบสั่งซื้อยาดังกล่าวจึงเป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่แพทย์หญิงนินีและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน จำเลยกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมแล้ว ปัญหาต่อไปที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ร่วมไม่ได้เป็นผู้เสียหายเพราะโจทก์ร่วมได้รับยาตามใบสั่งซื้อที่จำเลยทำขึ้น นั้น เห็นว่า แม้นางมุกดา จิราธิวัฒน์พยานโจทก์และโจทก์ร่วมจะเบิกความว่ายาที่สั่งซื้อตามใบสั่งซื้อ38 ฉบับนั้น จำเลยเป็นผู้รับไว้และโจทก์ร่วมได้จ่ายเงินให้แก่บริษัทที่ส่งยามาให้เรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่ได้ความจากคำเบิกความของแพทย์หญิงนินีว่ายา 2 รายการ คือ ยาเพนบริตินและยาเพนทริซือที่จำเลยสั่งซื้อนั้น ห้องแพทย์ไม่ได้สั่งซื้อมาเป็นเวลาปีเศษแล้ว เพราะทางห้องแพทย์หันมาใช้ยาของไทยและจำนวนยาที่จำเลยสั่งซื้อมีจำนวนมาก ซึ่งถ้าแพทย์หญิงนินีสั่งซื้อจะไม่สั่งซื้อมากถึงจำนวนเท่านี้ เห็นว่า การสั่งซื้อยาของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำในการดำเนินกิจการของโจทก์ร่วม และโจทก์ร่วมต้องเสียเงินค่ายาไปโดยที่มิได้เป็นความประสงค์ของโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจเข้าเป็นโจทก์ร่วมฟ้องจำเลยในคดีนี้ได้”
พิพากษายืน