คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2809/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยคดีนี้เคยเป็นโจทก์ฟ้อง ว. กับพวกเกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียว กันนี้ ว. กับพวกให้การว่าเป็นกรรมการวัดโจทก์คดีนี้ ที่พิพาทเป็นของวัด ต่อมาได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยยอมรับว่าที่พิพาทเป็นของ โจทก์ไม่ขอเกี่ยวข้องต่อไป ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว วัดโจทก์ไม่เคยเป็นคู่ความเดียวกันกับคู่ความในคดีก่อนจึงฟ้องคดีนี้ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์ ห้ามจำเลยกับบริวารเกี่ยวข้องได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ตามรูปคดี จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 16/2519 ของศาลจังหวัดจันทบุรีหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้เป็นยุติตามที่จำเลยฎีกาว่า ก่อนที่วัดพลับพลาโจทก์จะฟ้องนายวาว จำเลยเป็นคดีนี้ นายวาวได้เคยเป็นโจทก์ฟ้องนายวิจิตรวางษ์วาทย์ นายสงัด พลคิด และนายสุนทร วิสุทธิ์ เป็นจำเลยร่วมกันเกี่ยวกับที่ดินพิพาทแปลงเดียวกันนี้ และนายวิจิตรกับพวกได้ให้การว่าเป็นกรรมการวัดพลับพลา ที่ดินพิพาทเป็นของวัด ต่อมานายวิจิตรกับพวกได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนายวาวโดยยอมรับว่าที่พิพาทเป็นของนายวาวบุคคลทั้งสามจะไม่ขอเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกต่อไป ศาลจังหวัดจันทบุรีได้มีคำพิพากษาให้ตามยอม คดีถึงที่สุดไปแล้ว ตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 16/2519 ก็ตาม แต่คำพิพากษาในคดีแพ่งดังกล่าวหาได้มีผลให้ผูกพันวัดพลับพลาโจทก์คดีนี้แต่อย่างใดไม่ เพราะวัดพลับพลาโจทก์ไม่ได้เคยเป็นคู่ความเดียวกันกับคู่ความในคดีแพ่งดังกล่าวนั้น ซึ่งจะต้องห้ามมิให้นำคดีที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วมาฟ้องร้องกันได้อีก ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 วรรคแรก ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์คดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 16/2519 ของศาลจังหวัดจันทบุรี ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”

พิพากษายืน

Share