คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยทำนาของโจทก์ต่างดอกเบี้ย โจทก์ขอไถ่ จำเลยไม่ให้ไถ่อ้างว่าเป็นการขายขาด ดังนี้ เป็นการแสดงเจตนาไม่ยึดถือที่ดินแทนโจทก์ โจทก์ไม่ฟ้องเรียกคืนใน 1 ปี หมดสิทธิตาม มาตรา1375

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์อ้างว่าบิดาโจทก์ขายฝากที่พิพาทไว้กับจำเลยแล้วมอบที่ดินให้ทำกินต่างดอกเบี้ย จำเลยต่อสู้ว่าบิดาโจทก์ขายขาดที่พิพาท ไม่ใช่ขายฝาก ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า แม้จะฟังตามที่โจทก์อ้าง แต่การที่โจทก์ไปขอไถ่ที่พิพาท แล้วจำเลยไม่ยอมคืนให้โดยอ้างว่าบิดาโจทก์ขายขาดให้แล้วนั้น ดังนี้การที่จำเลยปฏิเสธไม่ให้ไถ่ดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยได้บอกกล่าวเปลี่ยนแปลงเจตนาแห่งการยึดถือให้โจทก์ทราบแล้วว่า ไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนโจทก์ หากแต่จะยึดถือเพื่อตนเองต่อไปตามมาตรา 1381 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยได้ถือสิทธิครอบครองที่พิพาทเพื่อตนเองตั้งแต่นั้นแล้วซึ่งเป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์อยู่ในตัว การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองของโจทก์ต้องฟ้องภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เกินปีหนึ่งแล้ว โจทก์ก็หมดสิทธิฟ้องเรียกคืน”

พิพากษายืน

Share