แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งอ้างว่าเป็นมติไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้โจทก์เสียหายเพราะถูกเดินรถทับเส้นทาง เมื่อได้ความว่ามติที่ประชุมดังกล่าวคณะกรรมการอนุมัติให้จำเลยที่ 3 เพิ่มจำนวนรถและจำนวนเที่ยวรถ ขณะเดียวกันก็อนุมัติให้โจทก์เพิ่มจำนวนรถกับเพิ่มเที่ยวรถจากเดิมด้วย โจทก์ได้ถือเอาประโยชน์จากมติครั้งนี้ตลอดมา มิได้โต้แย้งแต่อย่างใดว่ามติไม่ชอบ คงให้เพิกถอนเฉพาะส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์ เพื่อโจทก์จะได้รับผลจากมติการประชุมนั้นแต่เพียงฝ่ายเดียวเช่นนี้ ย่อมเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องใจความว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัดมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการรับขนส่งคนโดยสารและสินค้าทางรถยนต์
เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๒๑ จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันนำรถยนต์โดยสารเข้ามาวิ่งทับเส้นทางที่โจทก์ได้รับอนุญาต คณะกรรมการควบคุมการขนส่งด้วยความทุจริตได้มีมติเมื่อคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๑๐ ลงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๑๐ อนุมัติเส้นทางสาย ๒๖๒ โดยมิชอบด้วยกฎหมายและวิธีการประชุม โดยการเสนอแนะอันมิชอบของจำเลยทั้งสี่ เป็นเหตุให้มีการแย่งรับคนโดยสารกันตลอดมา ทำให้โจทก์ขาดรายได้ประมาณวันละ ๒,๐๐๐ บาท ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๑๖ จำเลยทั้งสี่โดยความจงใจของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่มิชอบได้นำเรื่องเสนอคณะกรรมการควบคุมการขนส่งพิจารณาอนุมัติให้จำเลยที่ ๓ เพิ่มจำนวนเที่ยวรถจากวันละ ๔ เที่ยวเป็นวันละ ๘ เที่ยว ทั้งๆ ที่อนุกรรมการขนส่งจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดหนองคายได้คัดค้านว่าเป็นการทับเส้นทางของโจทก์ โจทก์เห็นว่ามติของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งครั้งที่ ๓/๒๕๑๐ ลงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๑๐ และครั้งที่ ๒/๒๕๑๖ ลงวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๑๖ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการประชุมทั้งสองคราวคณะกรรมการมาประชุมไม่ครบองค์ประชุม ผู้เข้าประชุมส่วนมากเป็นตัวแทนซึ่งมิใช่ผู้รักษาการในตำแหน่ง จำเลยทั้งสี่ทราบดีแต่กลับร่วมกันให้มติที่ประชุมออกมาเป็นผลใช้บังคับโดยจำเลยทั้งสี่เจตนาทุจริต เพื่อให้จำเลยที่ ๓ และบรรดารถร่วมของจำเลยที่ ๓ ได้ผลประโยชน์จากการเดินรถโดยสาร และทำให้โจทก์เสียหายเพราะถูกทับเส้นทางขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งครั้งที่ ๓/๒๕๑๐ ลงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๑๐ และครั้งที่ ๒/๒๕๑๖ ลงวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๑๖ ให้เพิกถอนสัมปทานการเดินรถสายที่ ๒๖๒ ให้จำเลยที่ ๓ งดการเดินรถในเส้นทางสายที่ ๒๖๒ และให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในอัตราวันละ ๒,๐๐๐ บาท จากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะเพิกถอนสัมปทาน
จำเลยให้การต่อสู้ว่ามติที่ประชุมชอบด้วยกฎหมายแล้ว และว่าโจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีนี้โดยไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีนี้โดยไม่สุจริตหรือไม่ มติที่ประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๑๐ ลงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๑๐ โจทก์ไม่อุทธรณ์ จึงไม่มีประเด็นในชั้นนี้ ส่วนมติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งครั้งที่ ๒/๒๕๑๖ ลงวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๑๖ นั้นได้ความว่า คณะกรรมการอนุมัติให้จำเลยที่ ๓ เพิ่มจำนวนรถและจำนวนเที่ยวรถ ขณะเดียวกันก็อนุมัติให้โจทก์เพิ่มจำนวนรถจากเดิม ๔ คัน เป็นรถ ๒๒ คัน และเพิ่มเที่ยวรถจากเดิมวันละ ๑๒ เที่ยว เป็นวันละ ๕๒ เที่ยว โจทก์ได้ถือเอาประโยชน์จากมติครั้งนี้ตลอดมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้มิได้โต้แย้งแต่อย่างใดว่ามติไม่ชอบ คงให้เพิกถอนเฉพาะส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์เพื่อโจทก์จะได้รับผลจากมติการประชุมนั้นแต่เพียงฝ่ายเดียว เช่นนี้เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกวินิจฉัยเองได้ อย่างไรก็ตามจำเลยก็ได้ให้การต่อสู้ไว้ชัดแจ้งแล้วว่า โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงไม่ใช่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นดังที่โจทก์ฎีกา
พิพากษายืน