คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ต่อรถยนต์บรรทุกน้ำมันเข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของ ซึ่งกฎหมายมิได้บังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือ แม้จำเลยจะได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ให้โจทก์ไว้เพราะค้างชำระค่าจ้าง จำเลยก็มีสิทธิที่จะนำสืบพยานว่า ความจริงเป็นกรณีจำเลยว่าจ้างโจทก์ต่อรถยนต์บรรทุกน้ำมันอันเป็นสัญญาจ้างทำของ และเอกสารสัญญาเช่าซื้อที่จำเลยทำไว้ให้แก่โจทก์เป็นเพียงหลักฐานการรับมอบการงานที่ว่าจ้างและการชำระสินจ้างที่ยังค้างชำระอยู่เท่านั้น มิได้มีเจตนามุ่งผูกพันกันตามสัญญาเช่าซื้อ ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ไม่ตัดสิทธิโจทก์และจำเลยจะไปฟ้องร้องกันใหม่นั้นเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะพิพากษาดังกล่าวได้ในเมื่อพิจารณาเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกน้ำมันชนิด 6 ล้อไปจากโจทก์ โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันโดยยอมรับผิดเป็นลูกหนี้ร่วมจำเลยที่ 1 ผิดนัดโจทก์ได้ยึดรถกลับคืนมาแล้ว ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหาย

จำเลยทั้งสองให้การและจำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งว่า ไม่ใช่เรื่องเช่าซื้อแต่เป็นเรื่องจำเลยที่ 1 ว่าจ้างโจทก์ให้ต่อรถยนต์บรรทุกน้ำมัน 1 คัน ราคา100,000 บาท โจทก์ผิดนัดส่งมอบรถยนต์ จำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินให้แก่โจทก์ไปบ้างแล้วยังค้างอีก 40,000 บาท โจทก์ได้ให้จำเลยที่ 1 รับสภาพหนี้ทำสัญญาเช่าซื้อไว้ โดยมิได้เจตนาจะผูกพันกันตามสัญญาเช่าซื้อซึ่งเป็นนิติกรรมอำพราง เจตนาแท้จริงเป็นเรื่องสัญญาจ้างทำของรถยนต์ที่โจทก์ต่อขึ้นมีขนาดและคุณภาพไม่ตรงตามข้อตกลง ขอให้บังคับโจทก์คืนเงิน 60,000 บาท

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า เป็นเรื่องเช่าซื้อ ไม่ใช่จ้างทำของ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์คืนรถยนต์บรรทุกน้ำมันแก่จำเลยที่ 1ถ้าคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา 80,000 บาท ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 20,000 บาทแก่โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยก

โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องแย้งที่ขอให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายและให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้โจทก์คืนรถยนต์บรรทุกให้จำเลยที่ 1ไม่ตัดสิทธิโจทก์และจำเลยที่ 1 จะฟ้องร้องกันใหม่เกี่ยวกับสัญญาจ้างทำของภายในอายุความ

โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาฟ้องข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ได้ว่าจ้างโจทก์ให้ต่อรถยนต์บรรทุกน้ำมันคันพิพาทอันเข้าลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของ หาใช่เป็นสัญญาเช่าซื้อไม่ แล้ววินิจฉัยว่า แม้ในวันที่จำเลยทั้งสองรับรถไปจากโจทก์จำเลยที่ 1 จะได้ทำสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.1 ให้โจทก์ไว้เอกสารหมาย จ.1 นั้นก็เป็นเพียงหลักฐานการรับมอบการงานที่ว่าจ้างและการชำระสินจ้างที่ยังค้างชำระอยู่เท่านั้นมิได้มีเจตนามุ่งผูกพันกันตามสัญญาเช่าซื้อ ทั้งการนำสืบพยานว่าความจริงจำเลยที่ 1 ว่าจ้างโจทก์ต่อรถยนต์บรรทุกน้ำมันอันเป็นสัญญาจ้างทำของซึ่งกฎหมายมิได้บังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือ จำเลยทั้งสองมีสิทธินำสืบพยานได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 ดังนี้ โจทก์จะฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายโดยอาศัยสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.1 หาได้ไม่

ส่วนฎีกาของจำเลยที่ขอให้บังคับโจทก์คืนเงินและใช้ค่าเสียหายนั้นเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ และข้อที่จำเลยทั้งสองฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ไม่ตัดสิทธิโจทก์และจำเลยที่ 1 จะไปฟ้องร้องกันใหม่และให้ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาคดีไปเลยนั้น เห็นว่าเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะพิพากษาดังกล่าวได้ในเมื่อพิจารณาเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม

พิพากษายืน

Share