คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8459/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ได้เข้าเรียนอยู่ในสถาบันการศึกษาอื่นในประเทศตามกำหนดเวลามาโดยตลอดจนมีความรู้ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบเท่าหรือรับรองว่าเทียบได้ไม่ต่ำกว่าระดับมัธยมศึกษาตอนปลายตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ จึงมีคุณสมบัติครบถ้วนตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 19(1)ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับ 3) พ.ศ. 2535มาตรา 12

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่านายประยุทธ นิจพาณิชย์ผู้คัดค้านได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 1จังหวัดยโสธร โดยมิชอบและให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 1 จังหวัดยโสธร เฉพาะในส่วนของนายประยุทธ นิจพานิชย์ผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านมีสมบัติครบถ้วนตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2522 ที่แก้ไขแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลจังหวัดยโสธรพิจารณาคำร้อง คำคัดค้านและคำแถลงรับของคู่ความซึ่งต่างไม่ติดใจสืบพยานแล้วทำความเห็นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาว่า ผู้คัดค้านมีคุณสมบัติครบถ้วนตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 19(1)ควรยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสาม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้ร้องทั้งสามและผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดยโสธร ต่อมาวันที่ 2 กรกฎาคม 2538 ผู้คัดค้านได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดยโสธร ผู้คัดค้านเป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทยซึ่งบิดาคนเป็นคนต่างด้าวและจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดยโสธรเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2533 และจบการศึกษาตามหลักสูตรอนุปริญญาจากวิทยาลัยครูสุรินทร์ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2537 ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่าผู้คัดค้านมีคุณสมบัติตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 19(1)ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2535 มาตรา 12 หรือไม่พิเคราะห์แล้วมาตรา 19(1) กำหนดคุณสมบัติของบุคคลผู้มีสัญชาติไทยซึ่งบิดาเป็นคนต่างด้าวจะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ ต้องเป็นผู้ได้เข้าเรียนอยู่ในโรงเรียนตามกำหนดเวลาและสอบไล่ได้ไม่ต่ำกว่าระดับมัธยมศึกษาตอนปลายตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการหรือตามแผนการศึกษาของชาติ หรือได้เข้าเรียนอยู่ในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาอื่นในประเทศตามกำหนดเวลามาโดยตลอดไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกระบบโรงเรียนจนมีความรู้ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบเท่าหรือรับรองว่าเทียบได้ไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการหรือตามแผนการศึกษาของชาติ ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้คัดค้านจบการศึกษาจากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ซึ่งระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ. 2530 มีวิธีการเรียนคือเรียนแบบชั้นเรียน การเรียนทางไกล และการเรียนด้วยตนเอง ซึ่งการเรียนแบบชั้นเรียน นักศึกษาต้องเข้าเรียนเช่นเดียวกับนักเรียนตามปกติหากกำหนดเวลาเรียนไม่ครบ นักศึกษาจะไม่มีสิทธิเข้าสอบส่วนการเรียนทางไกลและการเรียนด้วยตนเองนักศึกษาไม่ต้องเข้าไปเรียนในชั้นเรียนเพียงแต่ต้องเข้าร่วมกิจกรรมพบกลุ่มตามกำหนดเวลาจึงจะมีสิทธิเข้าสอบ นักศึกษาที่จบหลักสูตรได้ต้องสอบได้หมวดวิชาบังคับ 5 หมวดวิชา และวิชาเลือกไม่น้อยกว่า3 หมวดวิชา ต้องผ่านเกณฑ์การพบกลุ่มตามระเบียบเมื่อจบหลักสูตรแล้วจะมีศักดิ์และสิทธิ์เท่ากับผู้ที่จบจากสถานศึกษาในระบบโรงเรียนทุกประการ ดังนั้น ผู้ที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดยโสธร จึงถือได้ว่าผู้คัดค้านได้เข้าเรียนอยู่ในสถาบันการศึกษาอื่นในประเทศตามกำหนดเวลามาโดยตลอดจนมีความรู้ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบเท่าหรือรับรองว่าเทียบได้ไม่ต่ำกว่าระดับมัธยมศึกษาตอนปลายตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ผู้คัดค้านจึงมีคุณสมบัติครบถ้วนตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 19(1) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2535 มาตรา 12
มีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสาม

Share