แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สารวัตกำนันเป็นผู้ช่วยกำนัน เมื่อกำนันมีหน้าที่และอำนาจจับกุมผู้กระทำผิด สารวัตรกำนันก็ย่อมช่วยกำนันทำการจับกุมผู้กระทำผิดนี้ ไม่จำเป็นจะต้องให้กำนันเรียกร้องให้ช่วยหรือต้องมีตัวกำนันอยู่ด้วย เพราะกฎหมายให้มีหน้าที่ช่วยกำนันอยู่ในตัวเป็นปกติแล้ว เมื่อจำเลยต่อสู้และทำร้ายสารวัตรกำนันในการจับกุมจำเลยและควบคุมจำเลยส่งพนักงานสอบสวน ย่อมได้ชื่อว่าจำเลยต่อสู้ผู้ต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 และทำร้ายผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตาม มาตรา 289 อันเป็นความผิดตามมาตรา 296
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายสุวิรัตน์ สารวัตรกำนันซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายได้ทำการจับกุมจำเลยในข้อหาทำร้ายร่างกายนายดีและนายอุ่นเรือน ควบคุมตัวจำเลยเพื่อส่งพนักงานสอบสวนจำเลยได้ต่อสู้ขัดขวางนายสุวิรัตน์โดยใช้กำลังทำร้ายนายสุวิรัตน์ มีบาดแผลบาดเจ็บเพื่อจะหลบหนี ให้พ้นจากการจับกุม ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๒๙๖
จำเลยรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ตำแหน่งสารวัตรกำนันไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย เพราะเป็นเพียงผู้ช่วยและรับใช้สอยกำนันตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรา ๔๔ เท่านั้น จะถือว่า มีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดเช่นเดียวกับผู้ใหญ่บ้านและกำนัน ไม่ได้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม มาตรา ๑๓๘, ๒๙๖ คงมีความผิดตาม มาตรา ๒๙๕ พิพากษาลงโทษตามมาตรา ๒๙๕ จำเลยรับลดกึ่งแล้ว จำคุก ๒ เดือน ปรับ ๑๕๐ บาท โทษจำรอไว้ ๓ ปี
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๒๙๖
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรา ๔๔ และ ๓๕ สารวัตรกำนันย่อมมีอำนาจช่วยจับผู้ทำผิดหรือมีเหตุสงสัยว่าทำผิดได้ สารวัตรกำนันจึงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย พิพากษาแก้ตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๒๙๖, แต่ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๙๖ ซึ่งเป็นบทหนัก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาว่า การกระทำของนายสุวิรัตน์ มิใช่เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานและนายสุวิรัตน์มิใช่เจ้าพนักงาน
ศาลฎีกาพิจารณาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๒๙๖ , ๒๘๙ ประกอบกับพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรา ๓๕ ข้อ (๓) , ๔๔ แล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรา ๔๔ ให้ สารวัตกำนันเป็นผู้ช่วยกำนัน เมื่อกำนันมีหน้าที่และอำนาจจับกุมผู้กระทำผิด สารวัตรกำนันก็ย่อมช่วยกำนันทำการจับกุมผู้กระทำผิดนี้ ไม่จำเป็นจะต้องให้กำนันเรียกร้องให้ช่วยหรือต้องมีตัวกำนันอยู่ด้วย เพราะกฎหมายให้มีหน้าที่ช่วยกำนันอยู่ในตัวเป็นปกติแล้ว ฉะนั้น เมื่อจำเลยต่อสู้และทำร้ายสารวัตรกำนันในการจับกุมจำเลยและควบคุมจำเลยส่งพนักงานสอบสวน ย่อมได้ชื่อว่าจำเลยต่อสู้ผู้ต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘ และทำร้ายผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตาม มาตรา ๒๘๙ อันเป็นความผิดตามมาตรา ๒๙๖
ศาลฎีกาพิพากษายืน