คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย จำเลยไปยืมเงินโจทก์มาเพื่ออุปการะเลี้ยงดูและเพื่อประโยชน์ร่วมกัน ระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง ซึ่งเป็นหนี้ร่วมผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วนในสินสมรสที่โจทก์นำยึดมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากจำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษา โจทก์นำยึดทรัพย์ของจำเลยขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดและขายทอดตลาดไปนั้นเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย หนี้สินที่จำเลยก่อขึ้นไม่ใช่หนี้ร่วม ผู้ร้องไม่รู้เห็นด้วย ขอให้กันส่วนให้แก่ผู้ร้องครึ่งหนึ่งจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า หนี้ตามคำพิพากษาเป็นหนี้ร่วมระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง ผู้ร้องรู้เห็นและยินยอมให้จำเลยก่อหนี้กับโจทก์เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วนจากเงินขายทอดตลาดทรัพย์ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าหนี้ตามคำพิพากษาเป็นหนี้ร่วม ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอกันส่วน มีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า หนี้ตามฟ้องไม่เป็นหนี้ร่วม พิพากษากลับเป็นว่าให้กันส่วนในเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ให้ผู้ร้องกึ่งหนึ่ง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดขายทอดตลาดเป็นสินสมรส จำเลยไปยืมเงินโจทก์ ผู้ร้องก็ไปด้วยแต่ไม่ได้ลงชื่อในสัญญา จำเลยเคยจำนองที่พิพาทกับธนาคารเพื่อนำเงินมาลงทุนประกอบการค้าขายยารักษาโรค ผู้ร้องผู้เห็นยินยอมให้จำเลยประกอบอาชีพดังกล่าวเพื่อหารายได้มาใช้จ่ายในครอบครัวตลอดมา แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่าจำเลยได้นำเงินมาใช้จ่ายเพื่ออุปการะเลี้ยงดูและเพื่อประโยชน์ร่วมกันระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง หนี้สินที่เกิดขึ้นจึงเป็นหนี้ร่วม ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอกันส่วนในสินสมรสที่โจทก์นำยึดมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้องตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share