แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องซื้อที่ดินมีโฉนดใส่ชื่อ ส.ซึ่งเป็นบุตรเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ แล้วส่ง ส.ไปเล่าเรียน ณ ต่างประเทศตั้งแต่ พ.ศ. 2491 และผู้ร้องครอบครองที่ดินนี้แทน ส. ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2495 ผู้ร้องเข้าใจว่า ส.ถึงแก่กรรม ดังนี้ แม้ได้ความว่า ส.ถึงแก่กรรมจริง ที่ดินนี้ย่อมเป็นมรดกตกทอดไปยังทายาทของ ส. ซึ่งผู้ร้องยังมีหน้าที่ต้องครอบครองในฐานะเป็นผู้แทนของทายาท ส. ต่อไป ถ้าหากผู้ร้องประสงค์จะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือมาเป็นการครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของ ก็ต้องบอกกล่าวไปยังทายาทของ ส.เสียก่อน เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในคำร้องและในการนำสืบว่า ส.ถึงแก่กรรมไปโดยไม่มีทายาท แม้ผู้ร้องจะครอบครองที่ดินนี้มาด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตั้งแต่ พ.ศ. 2495 จนบัดนี้เกินกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์
ย่อยาว
คดีนี้ผู้ร้องยืนคำร้องขอว่า เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๗ เด็กชายสี แจ่มจเริน บุตรผู้ร้องซื้อที่ดินโฉนดที่ ๕๖๗ ตำบลแจงร้อนใน (บางแจงร้อนใน) อำเภอราษฎร์บูรณะ (ราชบูรณะ) กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ ๔ ไร่ ๒ งาน ๙๒ ตารางวา พ.ศ. ๒๔๙๑ ผู้ร้องได้ส่งเด็กชายสี แจ่มจเริน ไปเรียนหนังสือที่เมืองโฮเอียว ประเทศจีน ผู้ร้องเข้าใจว่าเด็กชายสี แจ่มจเรินถึงแก่ความตายใน พ.ศ. ๒๔๙๕ เพราะเปิดโรคระบาดที่เมืองโฮเอียวและไม่ได้รับการติดต่อเลย ผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินแปลงนี้ตลอดมาด้วยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๖๗ ตำบลแจงร้อนใน(บางแจงร้อนใน) อำเภอราษฎร์บูรณะ(ราชบูรณะ) กรุงเทพมหานคร ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
ศาลชั้นพิพากษา (น่าจะเป็นสั่ง) ให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ผู้ร้องนำสืบว่า ผู้ร้องเป็นบิดาเด็กชายสี แจ่มจเริน ก่อนที่ผู้ร้องจะส่งเด็กชายสี แจ่มจเรินไปเรียนหนังสือที่ประเทศจีน ผู้ร้องได้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๖๗ ใส่ชื่อเด็กชายสี แจ่มจเริน เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เด็กชายสี แจ่มจเรินไปประเทศจีนตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๑ ต่อมา พ.ศ. ๒๔๙๕ ก็ขาดการติดต่อกัน เข้าใจว่าถึงแก่ความตาย เพราะเกิดโรคระบาดที่เมืองที่ไปอยู่ ผู้รองได้ครอบรองที่ดินมาจนบัดนี้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๑ การครอบครองของผู้ร้องจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครองได้ก็แต่โดยบอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่าไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองต่อไป หรือตนเองเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต อาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอกเท่านั้น แม้ข้อเท็จจริงในคดีนี้จะฟังได้ว่าเด็กชายสี แจ่มจเรินถึงแก่กรรมจริงดังที่ผู้ร้องนำสืบ ที่ดินรายนี้ก็ย่อมเป็นมรดกตกทอดไปยังทายาทของเด็กชายสี แจ่มจเริน ซึ่งเป็นร้องยังมีหน้าที่จะต้องครอบครองในฐานะผู้แทนของทายาทเด็กชายสี แจ่มจเรินต่อไป จนกว่าทายาทหรือผู้แทนของเด็กชายสี แจ่มจเรินจะเข้ามาปกปักษ์รักษาที่ดินดังกล่าวได้ ถ้าหากผู้ร้องประสงค์จะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือก็ต้องบอกกล่าวไปยังทายาทหรือผู้แทนของเด็กชายสี แจ่มจเรินเสียก่อน การที่เด็กชายสี แจ่มจเรินไปประเทศจีนเมื่ออายุประมาณ ๑๔-๑๕ ปี และมีข่าวว่าถึงแก่กรรมเมื่ออายุประมาณ ๑๙ ปี เด็กชายสีแจ่มเจริญอาจมีทายาทอื่นอีกโดยการมีครอบครัวหรือโดยทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินของตนให้แก่บุคคลใดก็ได้ ที่ผู้ร้องอ้างว่าเด็กชายสี แจ่มจเรินถึงแก่กรรมโดยไม่มีทายาทนั้น เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ ซึ่งไม่ปรากฏในคำร้องและในการนำสืบของผู้ร้องฟังไม่ได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว แม้ว่าผู้ร้องจะครอบครองที่ดินนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบันด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องขอของผู้ร้องนั้น ชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
(ธานินทร์ กรัยวิเชียร สอน ไชยสุต ศิริ อติโพธิ)