คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยทำหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ไว้ให้แก่โจทก์ ซึ่งจำเลยซื้อสินค้าเชื่อไปจากโจทก์จำนวนเงิน 12,000 บาท ตามหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ท้ายฟ้องแต่หนังสือดังกล่าวมีข้อความเพียงว่า “วันหลังกลับคำพูดยอดหนี้หนึ่งหมื่นสองพันบาท ให้เรียกกันว่าหมาในที่สาธารณะชนได้ตลอดเวลาโดยไม่ถือหมิ่นประมาท” ซึ่งไม่มีตอนไหนเลยที่ระบุว่าจำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์เมื่อใด มีอะไรบ้าง จำนวนเท่าไร และจำเลยจะชำระหนี้จำนวนนี้ให้แก่โจทก์หรือไม่ จะชำระอย่างไร เมื่อใดดังนี้จำเลยย่อมไม่อาจเข้าใจฟ้องของโจทก์ได้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2529 จำเลยได้ทำหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ค่าซื้อสินค้าเชื่อไปจากโจทก์ จำนวนเงิน 12,000บาท ตามหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ท้ายฟ้อง หลังจากนั้นโจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ แต่จำเลยไม่ชำระคิดดอกเบี้ยจากวันทำสัญญาถึงวันฟ้อง 750 บาท จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระหนี้โจทก์12,750 บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน12,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่เคยเป็นหนี้โจทก์ และไม่เคยทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้แก่โจทก์หนังสือรับสภาพหนี้ตามฟ้องเป็นเอกสารปลอม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า ฟ้องของโจทก์เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับดอกเบี้ยก่อนถึงวันฟ้องนั้นเคลือบคลุม และพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 12,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง(20 มกราคม 2530) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับเงินต้น 12,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามที่โจทก์ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยทำหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ไว้ให้แก่โจทก์ ซึ่งจำเลยซื้อสินค้าเชื่อไปจากโจทก์ จำนวนเงิน 12,000 บาท ตามหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ท้ายฟ้อง แต่หนังสือดังกล่าวมีข้อความเพียงว่า “วันหลังกลับคำพูดยอดหนี้หนึ่งหมื่นสองพันบาท ให้เรียกกันว่าหมาในที่สาธารณะชนได้ตลอดเวลา โดยไม่ถือหมิ่นประมาท” ซึ่งไม่มีตอนไหนเลยที่ระบุว่าจำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์เมื่อใด มีอะไรบ้างจำนวนเท่าไรและจำเลยจะชำระหนี้จำนวนนี้ให้แก่โจทก์หรือไม่ จะชำระอย่างไรเมื่อใด จำเลยย่อมไม่อาจเข้าใจฟ้องของโจทก์ได้ ดังนี้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม
พิพากษายืน

Share