คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญากู้เงินซึ่งเป็นมูลหนี้ที่ออกเช็คพิพาทที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยผู้ออกเช็ครวมอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์ของโจทก์ซึ่งถูกองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงินเข้าควบคุมกิจการและได้ขายให้แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไปแล้ว เป็นเพียงการโอนสิทธิเรียกร้องมูลหนี้ที่ออกเช็คที่ถูกบังคับโอนตาม พ.ร.ก. การปฏิรูประบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2540 มาตรา 27 ไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากมูลหนี้ที่ออกเช็คจนกว่าจะได้มีการใช้เงิน เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ชำระเงินตามสัญญากู้เงินอันเป็นมูลหนี้ที่ออกเช็คดังกล่าวแล้ว ดังนี้ คดีจึงไม่เลิกกันตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง ระหว่างนัดจำเลยทั้งสามยื่นคำให้การ และยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า เมื่อมูลหนี้ตามเช็คพิพาทที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้รวมอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์ที่โจทก์ได้ขายให้แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กรณีถือได้ว่า โจทก์ได้โอนสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้ตามเช็คพิพาทคดีนี้ให้แก่บริษัทดังกล่าวแล้ว มูลหนี้ตามเช็คพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสามจึงสิ้นผลผูกพัน โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายอีกต่อไป สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงระงับไป ให้จำหน่ายคดี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาไปตามรูปคดี
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปเพราะคดีเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๗ หรือไม่ เห็นว่า แม้สัญญากู้เงินซึ่งเป็นมูลหนี้ที่ออกเช็คพิพาทที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้รวมอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์ของโจทก์ซึ่งถูกองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงินเข้าควบคุมกิจการและได้ขายให้แก่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ไปแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงการโอนสิทธิเรียกร้องมูลหนี้ที่ออกเช็คที่ถูกบังคับโอนตามพระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๒๗ ไม่ทำให้จำเลยที่ ๑ หลุดพ้นจากมูลหนี้ที่ออกเช็คแต่อย่างใดจนกว่าจะได้มีการใช้เงิน เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามได้ชำระเงินตามสัญญากู้เงินอันเป็นมูลหนี้ที่ออกเช็คดังกล่าวแล้ว ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่ามูลหนี้ตามสัญญากู้เงินที่จำเลยทั้งสามได้ออกเช็คนั้นสิ้นผลผูกพัน โดยไม่คำนึงว่าโจทก์จะสามารถดำเนินกิจการและรับชำระหนี้จากลูกหนี้ได้หรือไม่ คดีจึงไม่เลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๗ ดังนี้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องยังไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share