คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ขณะโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ล้มละลายในคดีนี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในอีกคดีหนึ่ง ของศาลชั้นต้นไปก่อนแล้ว แม้โจทก์ในคดีนี้กับโจทก์ในคดี ดังกล่าวจะเป็นคนเดียวกัน คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ดังกล่าวก็ยังมีผลอยู่ และใช้ยันแก่โจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(1) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 จึงต้องจำหน่ายคดีจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในคดีนี้ออกจากสารบบความตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 15

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี ซึ่งมีจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำนวน 14,688,949.70 บาท และจำเลยที่ 1ยังเป็นหนี้โจทก์ตามตั๋วสัญญาใช้เงินอีก 6 ฉบับ โดยมีจำเลยที่ 2ที่ 3 และที่ 4 ทำสัญญาค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมจำเลยทั้งสี่ผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 3 เป็นหนี้โจทก์จำนวนทั้งสิ้น 115,399,477.71 บาทจำเลยที่ 4 เป็นหนี้โจทก์จำนวน 100,710,528.01 บาทขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสี่เด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่เป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยทั้งสี่ไม่ยื่นคำให้การ
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์แถลงว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ถูกศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.7/2536 ของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 และที่ 3 ออกจากสารบบความและให้พิจารณาคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ที่ 4 ต่อไป
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายจะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้แต่เพียงว่า การที่ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2และที่ 3 ออกจากสารบบความชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันไม่ใช่ลูกหนี้หนี้ค้ำประกันเป็นหนี้อุปกรณ์ไม่ใช่หนี้ประธาน จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ในคดีนี้ คือ บริษัทยางพาราไทยกิจร่วมทุน จำกัดสำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ในคดีหมายเลขแดงที่ ล.7/2536ของศาลชั้นต้น คือ บริษัทยางพาราเทพส่ง จำกัด ซึ่งเป็นคนละคนกันและเจ้าหนี้ในคดีนี้กับเจ้าหนี้ในคดีหมายเลขแดงที่ ล.7/2536 ของศาลชั้นต้นเป็นคนเดียวกัน ศาลชั้นต้นจึงควรพิจารณาคดีของโจทก์ต่อไป ไม่ชอบที่จะมีคำสั่งจำหน่ายคดีจำเลยที่ 2 และที่ 3 ออกจากสารบบความนั้น เห็นว่า ขณะโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ล้มละลายในคดีนี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วในคดีหมายเลขแดงที่ ล.7/2536 ของศาลชั้นต้น ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2536 ก่อนวันที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นคดีนี้ แม้โจทก์ในคดีนี้กับโจทก์ในคดีหมายเลขแดงที่ ล.7/2536 จะเป็นคนเดียวกัน คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดดังกล่าวจึงยังมีผลอยู่ และใช้ยันแก่โจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(1) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 จึงต้องจำหน่ายคดีจำเลยที่ 2 และที่ 3 ออกจากสารบบความตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 15 ส่วนที่โจทก์จะดำเนินการขอรับชำระหนี้ของจำเลยที่ 2 และที่ 3 อย่างใดและความรับผิดของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จะอยู่ในฐานะใดเป็นคนละเรื่องและคนละขั้นตอนกับคดีนี้ ที่ศาลชั้นต้นให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 และที่ 3 ออกจากสารบบความชอบแล้ว อุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share