คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2781/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โฉนดที่ดินของโจทก์เป็นเอกสารมหาชนที่รัฐออกให้แก่ผู้ทรงกรรมสิทธิ์ ซึ่งในเบื้องต้นต้องสันนิษฐานว่าได้ออกมาถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 เมื่อจำเลยฟ้องแย้งให้ศาลพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ว่าออกมาทับที่โดยไม่ถูกต้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบถึงความไม่ถูกต้องหรือมิชอบด้วยกฎหมายนั้น แม้เดิมที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า แต่ต่อมาทางราชการได้ออกโฉนดที่ดินให้โจทก์เป็นผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในปี พ.ศ. 2527 ซึ่งเมื่อนับถึงวันที่โจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยยังไม่ถึง 10 ปี จำเลยจึงไม่มีทางได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขออาศัยปลูกบ้านในที่ดินมีโฉนดของโจทก์ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอาศัยที่ดินของโจทก์ต่อไป จึงได้แจ้งให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์แต่จำเลยและบริวารของจำเลยไม่ยอมรื้อถอน ขอบังคับให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยเข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่พิพาทโดยสงบ โดยเปิดเผย และแสดงเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาเป็นเวลานานกว่า 40 ถึง 50 ปีแล้ว การที่โจทก์นำที่ดินของจำเลยที่ปลูกบ้านไปเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโจทก์ โดยนำไปออกโฉนดที่ดินเลขที่ 5473 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้องโจทก์ และเพิกถอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่จำเลยครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 5473 ของโจทก์เสีย และให้จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในบ้านและที่พิพาท
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ที่ดินที่จำเลยครอบครองเป็นของโจทก์โจทก์ได้ขอออกโฉนดที่ดินโดยจำเลยมิได้คัดค้านแต่อย่างใด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ยกฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาจำเลยมีว่า ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์หรือเป็นที่ดินที่จำเลยทรงสิทธิครอบครองอยู่ปัญหานี้โจทก์นำสืบว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยมีโฉนดที่ดินเลขที่ 5473 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต มาแสดงยืนยันการทรงกรรมสิทธิ์ของโจทก์โฉนดที่ดินเป็นเอกสารมหาชน ที่รัฐออกให้แก่ผู้ทรงกรรมสิทธิ์ ซึ่งในเบื้องต้นต้องสันนิษฐานว่าได้ออกมาถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 จำเลยฟ้องแย้งให้ศาลพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าวว่าออกมาทับที่จำเลยโดยไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องนำสืบถึงความไม่ถูกต้องหรือมิชอบด้วยกฎหมายนั้น แต่ทางนำสืบของจำเลยไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดเลยที่จะชี้แสดงให้ศาลเห็นว่า การรังวัดออกโฉนดที่ดินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะออกทับที่ดินจำเลยเมื่อภาระการพิสูจน์ว่าโฉนดที่ดินของโจทก์ดังกล่าวออกทับที่ดินจำเลยอยู่แก่จำเลย จำเลยไม่พิสูจน์ คดีจึงต้องฟังว่าโจทก์เป็นผู้ทรงกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวโดยถูกต้องที่พิพาทเดิมเป็นที่มือเปล่า ทางราชการได้ออกโฉนดให้โจทก์เป็นผู้ทรงกรรมสิทธิ์ใน พ.ศ. 2527 นับถึงวันฟ้องคดีนี้ไม่ครบ 10 ปี จำเลยจึงไม่มีทางได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ซึ่งจำเลยต้องครอบครองที่ดินมีโฉนดติดต่อกันครบ 10 ปีจำเลยจึงจะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามบทกฎหมายดังกล่าว เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ทรงกรรมสิทธิ์ที่พิพาท และโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอยู่ในที่พิพาท จำเลยจึงไม่อาจอ้างสิทธิตามกฎหมายที่จะอยู่ในที่พิพาทอีกต่อไป
พิพากษายืน

Share