แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องด้วยว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกการที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าของรถยนต์บรรทุกจะต้องร่วมรับผิดกับผู้กระทำละเมิดจากการขับรถยนต์คันดังกล่าวโดยประมาทด้วย พิพากษาให้จำเลยที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าเสียหายไม่เป็นการพิพากษานอกเหนือไปจากคำฟ้อง จำเลยที่ 1 มอบรถยนต์บรรทุกดังกล่าวให้แก่ ช. บุตรจำเลยไปครอบครองใช้สอย จ. ลูกจ้าง ช. ขับรถยนต์บรรทุกดังกล่าวโดยประมาทชนกระบือแล้วเลยไปชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่โจทก์ขับสวนมา การละเมิดเกิดจากการกระทำของลูกจ้างบุตรจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 5 บ – 6845 กรุงเทพมหานครของจำเลยที่ 1 และในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ด้วยความประมาทเห็นอยู่แล้วว่ามีกระบือตัวหนึ่งกำลังเดินข้ามถนนอยู่และโจทก์กำลังขับรถจักรยานยนต์สวนทางมา ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 จะต้องลดความเร็วลงเพื่อให้กระบือตัวนั้นข้ามถนนไปก่อนแต่หาได้กระทำเช่นนั้นไม่ กลับขับรถด้วยความเร็วสูงจนเกิดชนกระบือตายคาที่และรถยนต์เสียหลักแล่นไปชนโจทก์ซึ่งกำลังขับรถจักรยานยนต์สวนทางมาดังกล่าวจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน5 บ – 6845 กรุงเทพมหานคร และลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 และรถยนต์คันดังกล่าวได้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 2 ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าสินไหมทดแทนและค่าเสียหาย 200,000 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้เป็นนายจ้างของผู้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 5 บ – 6845 กรุงเทพมหานคร หากแต่เป็นลูกจ้างของบุคคลผู้มีชื่ออื่น จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดชอบจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับประกันจึงไม่ต้องรับผิดชอบด้วย เหตุละเมิดในคดีนี้มิใช่ความผิดหรือประมาทของผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าวรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุมิใช่เป็นรถของโจทก์ ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์จำนวน 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1ชดใช้ค่าเสียหายในเงินจำนวนนั้นเพียง 25,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับข้อเท็จจริงคงรับฟังได้เป็นยุติว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 5 บ – 6845กรุงเทพมหานคร ได้มอบให้นายไชยวัฒน์บุตรจำเลยที่ 1 ครอบครองใช้สอย จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้จากจำเลยที่ 1 ตามวันและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง นายวินัยลูกจ้างนายไชยวัฒน์ขับรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวโดยประมาทชนกระบือแล้วเลยไปชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่โจทก์ขับสวนทางมา เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บ และรถจักรยานยนต์ของโจทก์เสียหายที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เพราะนายไชยวัฒน์ต้องรับผิดร่วมกับนายวินัย จำเลยที่ 1เป็นเจ้าของรถต้องรับผิดร่วมกับนายไชยวัฒน์ จำเลยที่ 2จึงต้องรับผิดตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องด้วยว่า จำเลยที่ 1เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 5 บ – 6845 กรุงเทพมหานครการที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าในกรณีเช่นนี้จำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าของรถยนต์จะต้องรับผิดร่วมกับผู้กระทำละเมิดจากการขับรถยนต์คันดังกล่าวโดยประมาทด้วย พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จึงไม่เป็นการพิพากษาให้จำเลยที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์นอกเหนือไปจากคำฟ้องแต่ประการใด แต่การละเมิดเกิดจากการกระทำของลูกจ้างนายไชยวัฒน์บุตรจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ จำเลยที่ 2 ย่อมไม่ต้องรับผิดด้วย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นศาลฎีกาเห็นด้วยโดยผล”
พิพากษายืน