แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตกลงซื้อขายที่ดินกันแปลงหนึ่ง ครั้นถึงเวรโอนโฉนดกลับเอาโฉนดของที่ดินอีกแปลงหนึ่งไปโอน แต่ผู้ซื้อก็คงครองครองที่ดินแปลงที่ตกลงซื้อขายกันนั้นตลอดมาโดยมิได้มีการสำคัญผิดอย่างใดดังนี้ ไม่ทำให้ผู้ซื้อได้สิทธิในที่ดินแปลงที่ได้โอนโฉนดนั้น
คดีแพ่งโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและเรียกค่าเสียหาย 45 บาท ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ ๆ ฎีกาได้แต่ในปัญหาข้อกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่าบุกรุกที่นาตายโฉนดของโจทก์ และขอให้ขับไล่จำเลย
ได้ความว่าบิดาจำเลยที่ ๒ มีนา ๒ แปลงอยู่ติดกัน แปลงหนึ่งอยู่ฝั่งเหนือ แปลงหนึ่งอยู่ฝั่งใต้ เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๙ บิดาจำเลยที่ ๒ ได้ขายนาแปลงฝั่งใต้ให้ น.แต่เอาโฉนดที่นาแปลงฝั่งเหนือไปทำสัญญาซื้อขาย ครั้นบิดาจำเลยที่ ๒ ตาย จำเลยที่ ๒ ก็ทำนาแปลงฝั่งเหนือตลอดมา ส่งน น.ผู้ซื้อนาแปลงฝั่งใต้ก็ครอบครองทำนาแปลงนั้น ต่อมาราว ๙ ปี จึงขายให้โจทก์ ต่อมาเมื่อเจ้าของนาติดต่อกับที่วิวาทขอให้เจ้าพนักงานรังวัดแบ่งแยกนา เจ้าพนักงานเรียกโจทก์ผู้ถือโฉนดให้ไปดูเขตต์ติดต่อ ความจึงปรากฎว่าโฉนดที่โจทก์ถือไม่ใช่นาฝั่งใต้ที่บิดาจำเลยที่ ๒ ขายให้ น.
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่าคดีนี้โจทก์ฎีกาได้ฉะเพาะแต่ข้อกฎหมาย เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์มิได้สำคัญผิดในนาที่ตนซื้อแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิในนารายพิพาท จำเลยจะครอบครองมากี่ปีก็ไม่ทำให้โจทก์เกิดสิทธิอย่างใด ข้อที่โจทก์อ้าง ม.๑๒๙๙ วรรค ๒ และฎีกาที่ ๔๘๑/๒๔๗๙ นั้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาปรากฎว่า น.ผู้ซื้อที่นาจากบิดาจำเลยมิได้ตกลงซื้อที่นารายพิพาทหากแต่เอาโฉนดรายพิพาทไปทำโอนให้เท่านั้นโจทก์ผู้ซื้อที่นาจาก น.อีกต่อหนึ่งก็มิได้สำคัญผิดในนาที่ตนซื้อว่าเป็นที่รายพิพาท บทกฎหมายและคำพิพากษาฎีกาที่โจทก์อ้างไม่ตรงกับคดีนี้ จึงพิพากษายืนตาม