แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นำเอาประเด็นข้อพิพาทที่ศาลพิพากษาเด็ดขาดแล้วมาฟ้องอีก ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนข้ออ้างในกฎหมายเสียละเป็นการกลับตัวโจทก์จำเลยกันกับคดีเรื่องก่อนก็ตามก็ต้องถือว่าเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามกฎหมายข้างต้นการคัดค้านว่าผู้พิพากษานั่งพิจารณาไม่ครบคณะนั้นต้องคัดค้านเสียแต่ในชั้นแรกจะยกขึ้นมาคัดค้านในชั้นศาลสูงมิได้
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.๑๔๘
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่าตามฎีกาข้อแรกมีว่าผู้พิพากษานายเดียวออกนั่งจุดรายงานการพิจารณาใช้ไม่ได้นั้น เห็นว่าเรื่องนี้ไม่มีการพิจารณาสืบพะยานศาลชั้นต้นสอบถามแล้วสั่งงดสืบพะยาน แม้จะถือว่าการออกนั่งสอบถามเป็นการนั่งพิจารณาก็ตาม เมื่อโจทก์มิได้ยกขึ้นคัดค้านเสียแต่ในชั้นแรกแล้ว จะยกขึ้นมาคัดค้านในชั้นศาลสูงมิได้ ส่วนฎีกาอีกข้อหนึ่งที่ว่าคดีของโจทก์ไม่ต้องห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.๑๔๘ นั้น เห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่า ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ เพราะปรากฎว่าในคดีเดิมเลขแดงที่ ๘๗/๒๔๗๘ นั้นจำเลยในคดีนี้ฟ้องโจทก์เรียกค่าซักลากไม้รายเดียวกันนี้ โจทก์ต่อสู้เป็นประเด็นขึ้นในคดีนั้นว่าได้ใช้เงินให้จำเลยแล้ว ในคดีนั้นศาลฎีกาได้วินิจฉัยแล้วว่าโจทก์ไม่มีพะยานหลักฐานสนับสนุนว่าโจทก์ได้จ่ายเงินให้จำเลยแล้วดังข้อต่อสู้ ในการฟ้องคดีนี้ โจทก์ก็แถลงรั่บแล้วว่าเงินที่ฟ้องเรียกนี้เป็นเงินรายเดียวกับที่เคยขอหักมาในคดีก่อน จริงอยู่ในคดีก่อนโจทก์ขอหักเงินจำนวนนี้ โดยอ้างว่าจำเลยได้ร้องขอให้โจทก์จ่ายทดรองไป มาในคดีนี้ โจทก์ฟ้องเป็นเรื่องจัดการงานนอกสั่ง และลาภมิควรได้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนข้ออ้างในกฎหมายที่จะเอาเงินค่าที่ได้อ้างว่าได้จ่ายทดรองไปเท่านั้น ส่วนข้อที่โจทก์คัดค้านว่า ม.๑๔๘ ห้ามฟ้องฉะเพาะเมื่อเป็นคู่ความเดียวกัน แต่เรื่องนี้โจทก์เป็นจำเลยในคดีก่อน กลับมาเป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้ จึงไม่ใช่คู่ความเดียวกัน เห็นว่าคำว่า “คู่ความเดียวกัน” ต้องหมายความว่า ผู้ที่เคยเป็นคู่พิพาทกันมาจนคดีถึงที่สุดไปแล้ว จะกลับมาเป็นคู่ความในประเด็นเดียวกันอีกไม่ได้แม้ว่าจำเลยในคดีก่อนกลับมาเป็นโจทก์ในคดีนี้ โจทก์จำเลยก็ยังเป็นคู่ความเดียวกันตามกฎหมาย จึงพิพากษายืนตามให้ยกฎีกาเสีย