แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อจำเลยรับว่าจำเลยยังค้างชำระหนี้โจทก์อยู่ภายหลังจากกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความสิ้นสุดลงแล้วโจทก์ย่อมบังคับชำระหนี้โดยยึดทรัพย์สินของผู้ค้ำประกันในศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274 ได้โดยไม่ต้องฟ้องผู้ค้ำประกันเป็นคดีใหม่
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอม ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ โดยจำเลยได้นำเอาบริษัทเค พี เอ็นคอร์เปอร์เรชั่น จำกัด เข้ามาเป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยยังชำระเงินไม่ครบถ้วนขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อบังคับคดีแก่จำเลยหรือบริษัท เค พี เอ็น คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด ผู้ค้ำประกัน
จำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยไม่ผิดนัดโจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์ของจำเลยหรือผู้ค้ำประกัน ขอให้ศาลเพิกถอนการยึด
ในวันนัดไต่สวนคำร้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดการไต่สวน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้ค้ำประกัน มิได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยจึงเป็นบุคคลนอกคดี คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมไม่ผูกพันบริษัทผู้ค้ำประกัน โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันโดยไม่ต้องฟ้องร้อง หมายบังคับคดีส่วนนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายให้เพิกถอนการยึด
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ค้ำประกันในศาลโดยทำหนังสือประกันเพื่อการชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 274 นั้น เมื่อจำเลยรับว่าจำเลยยังค้างชำระหนี้โจทก์อยู่ภายหลังจากกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความสิ้นสุดลงแล้ว โจทก์ย่อมบังคับชำระหนี้โดยยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันได้โดยไม่ต้องฟ้องผู้ค้ำประกันเป็นคดีใหม่
พิพากษายืน