คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2777/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยตกลงเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระหนี้ใหม่โดยรวมเอาเงินต้นและดอกเบี้ยค้างส่งถึงวันทำสัญญาเพื่อผ่อนคืนเป็นงวด งวดละเดือน จำนวน 54 เดือน หากจำเลยผิดนัดเดือนใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด การฟ้องร้องจึงเป็นเรื่องต้องอยู่ภายในบังคับแห่ง ป.พ.พ มาตรา 166 มีอายุความ5 ปี
จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาเพียงเดือนแรก ต่อมาเดือนที่ 2 คือวันที่ 13 มีนาคม2524 จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตลอดมา ถือว่าจำเลยผิดนัดทั้งหมดทุกงวด สิทธิเรียกร้องเงินคืนทั้งหมดจึงมีขึ้นแล้ว อายุความฟ้องร้องเรียกเงินจำนวนที่ค้างจากจำเลยจึงเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2524แล้ว หาใช่เริ่มนับอายุความเมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้งวดสุดท้ายไม่ โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 15กรกฎาคม 2531 เกิน 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 169 ประกอบมาตรา 166 ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความทั้งสิ้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑,๐๕๐,๔๑๑.๐๕ บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี ในต้นเงิน ๔๙๘,๕๐๔.๗๙ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยเป็นลูกค้าของโจทก์ ได้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับโจทก์สาขาพะเยาในวงเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ตกลงให้ดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปีมีกำหนดเวลา ๑๒ เดือน ภายหลังทำสัญญาแล้ว ได้มีการเดินสะพัดบัญชีและจำเลยได้ออกตั๋วแลกเงินสั่งจ่ายด้วย ถึงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ จำเลยเป็นหนี้โจทก์ ๔๙๘,๕๐๔.๗๙ บาท ในวันดังกล่าวจำเลยทำสัญญารับว่ายังเป็นหนี้โจทก์อยู่ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยและยอมรับผิดชดใช้หนี้สินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี โดยตกลงชำระให้เป็นรายเดือน เดือนละไม่ต่ำกว่า๑๒,๐๐๐ บาท เริ่มชำระเดือนแรกภายในวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ เดือนต่อไปชำระภายในวันที่๑๓ ของเดือน และจะชำระให้เสร็จภายในกำหนด ๕๔ เดือน หากจำเลยผิดนัดเดือนหนึ่งเดือนใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดและยอมให้ฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามเอกสารหมาย จ.๕ หลังจากทำสัญญาเอกสารหมาย จ.๕ แล้ว จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ตามสัญญางวดแรกจำนวน ๑๒,๐๐๐ บาท แล้วไม่ชำระให้อีกเลย คดีมีปัญหาตามฎีกาเฉพาะเรื่องอายุความว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่โจทก์อ้างในฎีกาข้อแรกว่า สิทธิเรียกร้องของโจทก์เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๒๔ ตกลงชำระหนี้ทั้งหมด ๕๔ เดือน จะถึงงวดสุดท้ายวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๒๘ โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่๑๕ กรกฎาคม ๒๕๓๑ จึงไม่เกิน ๕ ปี คดีไม่ขาดอายุความ เห็นว่า เอกสารหมาย จ.๕ เป็นหนังสือรับรองว่ายังเป็นหนี้โจทก์อยู่ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย และโจทก์ฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าว ซึ่งตามเอกสารหมาย จ.๕ ข้อ ๒ ถือได้ว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระหนี้ใหม่โดยรวมเอาเงินต้นและดอกเบี้ยค้างส่งถึงวันทำสัญญาเพื่อผ่อนคืนเป็นงวดงวดละเดือนจำนวน ๕๔ เดือน การฟ้องร้องจึงเป็นเรื่องต้องอยู่ภายในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๖ มีอายุความ ๕ ปี คดีนี้ จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.๕เพียงเดือนแรก ต่อมาเดือนที่ ๒ คือวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๒๔ จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตลอดมาจึงถือว่าจำเลยผิดนัดทั้งหมดทุกงวด ดังนั้นสิทธิเรียกร้องเงินคืนทั้งหมดจึงมีขึ้นแล้ว อายุความฟ้องร้องเรียกเงินจำนวนที่ค้างจากจำเลยตามเอกสารหมาย จ.๕ จึงเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๔ มีนาคม๒๕๒๔ แล้ว หาใช่เริ่มนับอายุความเมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้งวดสุดท้ายดังที่โจทก์เข้าใจไม่เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๓๑ จึงเกิน ๕ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๖๙ ประกอบมาตรา ๑๖๖ ดังนั้นฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความทั้งสิ้น
พิพากษายืน.

Share