แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า ถูกบริเวณท้องทำให้กระเพาะอาหารทะลุ แพทย์ลงความเห็นว่าต้องใช้เวลารักษาตัว 30 วัน โดยไม่มีข้อความว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสอย่างไร เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีเจตนาฆ่าคงมีแต่เจตนาทำร้ายจึงลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ไม่ได้ คงลงโทษได้ตามมาตรา 295 เท่านั้น
การที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 เกินกว่าที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ พามีดติดตัวไปตามถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้มีดแทงนายประสิทธิ์ กาญจนเพชร ผู้เสียหาย ๑ ครั้ง โดยเจตนาฆ่า ถูกบริเวณท้องทำให้กระเพาะอาหารทะลุต้องรักษาตัว ๓๐ วัน แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย และจำเลยที่ ๒ ใช้ไม้ตีจำเลยที่ ๑ ได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๒๙๕, ๓๗๑ และริบของกลาง
จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ ๒ ไม่ให้การแต่ได้นำสืบปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ จำคุก ๓ ปี และมาตรา ๓๗๑ ปรับ ๙๐ บาทจำเลยที่ ๒ มีความผิดตามมาตรา ๒๙๕ จำคุก ๓ เดือน กรณีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๒ ปี ปรับ ๖๐ บาท จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๒ เดือน ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา ๒๙, ๓๐ ริบของกลาง คำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์เฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ ว่ากระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ได้แทงผู้เสียหายเพื่อป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมาย และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าฟ้องโจทก์บรรยายมาเพียงว่าแพทย์ลงความเห็นว่าผู้เสียหายต้องใช้เวลารักษาตัว ๓๐ วัน ไม่มีข้อความว่าได้รับอันตรายสาหัสอย่างไรอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ จึงลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามบทมาตราดังกล่าวไม่ได้ คงลงโทษได้ตามมาตรา ๒๙๕เท่านั้น ปัญหาข้อนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๕ จำคุก ๒ ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสาม เหลือจำคุก ๑ ปี ๔ เดือน รวมโทษจำเลยที่ ๑ จำคุก ๑ ปี ๔เดือน และปรับ ๖๐ บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.