แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่งที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าการที่จำเลยไม่ยอมรับแคชเชียร์เช็คแทนการชำระหนี้ด้วยเงินสดจากโจทก์ในวันที่16พฤศจิกายน2531จะถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้ไม่นั้นเมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าในวันที่16พฤศจิกายน2531โจทก์พร้อมที่จะชำระราคาที่ดินให้แก่จำเลยและรับโอนกรรมสิทธิ์แต่จำเลยกลับเป็นฝ่ายที่ไม่พร้อมที่จะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์เพราะที่ดินที่ขายติดจำนองและจำเลยมิได้ติดต่อกับผู้รับจำนองเพื่อให้ผู้รับจำนองนำโฉนดที่ดินและเอกสารมาที่สำนักงานที่ดินเพื่อจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองและโอนขายให้แก่โจทก์จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาดังนั้นไม่ว่าผลแห่งคำวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฏีกาของจำเลยจะออกมาในรูปใดก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังเป็นยุติแล้วได้ผลแห่งคดีก็คงเป็นเช่นเดิมปัญหาข้อกฎหมายตามที่จำเลยฎีกาจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2531 โจทก์ทำสัญญาจะซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 4647 จากจำเลยในราคา 240,000 บาท โดยวางมัดจำเป็นเงิน 8,000 บาท ส่วนที่เหลือจะชำระในวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ตกลงกันจะไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ต่อเจ้าพนักงานภายใน 3 เดือน นับแต่วันทำสัญญาแต่จะกำหนดวันเดือนใดคู่สัญญาต้องบอกกล่าวความตกลงเห็นพร้อมกัน หากจำเลยผิดสัญญายอมให้ปรับเป็นเงิน3 เท่าของเงินมัดจำ ก่อนที่จะครบกำหนดตามสัญญาในวันที่ 16พฤศจิกายน 2531 โจทก์มอบให้ทนายความมีหนังสือแจ้งนัดให้จำเลยไปรับเงินส่วนที่เหลือและจดทะเบียนโอนที่ดินในวันที่ 25 ตุลาคม 2531เวลา 10 นาฬิกา จำเลยรับทราบแล้วแต่ไม่ยอมไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ โจทก์จึงมอบหมายให้ทนายความมีหนังสือแจ้งนัดให้จำเลยไปรับเงินส่วนที่เหลือและจดทะเบียนโอนที่ดินให้โจทก์อีกครั้งหนึ่งในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2531 จำเลยรับทราบแล้วเพิกเฉย เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 4647 ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรีให้แก่โจทก์ โดยให้จำเลยรับชำระราคาที่ค้าง 232,000 บาท หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 27,650 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ทำสัญญาจะขายที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์จริง หลังจากทำสัญญากันแล้ว โจทก์มอบให้ทนายความมีหนังสือนัดหมายให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินที่สำนักงานที่ดินจังหวัดปราจีนบุรีในวันที่ 25 ตุลาคม 2531 เวลา 10 นาฬิกา จำเลยไปตามนัดแต่โจทก์กลับเป็นฝ่ายผิดนัดไม่ไป ต่อมาโจทก์แจ้งว่ายังหาเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือไม่ได้ จึงได้นัดหมายจำเลยอีกครั้งให้ไปจดทะเบียนการโอนที่ดินกันวันที่ 16 พฤศจิกายน 2531 จำเลยไปที่สำนักงานที่ดินตามนัด แต่โจทก์ไม่สามารถนำเงินราคาที่ดินส่วนที่เหลืออีก 232,000 บาท ไปชำระตามสัญญาได้ จำเลยจึงไม่ยอมโอนที่ดินให้ จำเลยมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา จึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 4647ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ในส่วนที่เป็นของจำเลยครึ่งหนึ่งให้แก่โจทก์ โดยให้โจทก์ชำระราคา 112,000 บาทหากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยชำระค่าปรับ 24,000 บาทให้แก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เนื่องจากคดีนี้ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก ที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยไม่ยอมรับแคชเชียร์เช็คแทนการชำระหนี้ด้วยเงินสดจากโจทก์ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2531 จะถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้ไม่นั้น ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2531 โจทก์พร้อมที่จะชำระราคาที่ดินให้แก่จำเลยและรับโอนกรรมสิทธิ์ แต่จำเลยกลับเป็นฝ่ายที่ไม่พร้อมที่จะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์เพราะที่ดินที่ขายติดจำนอง และจำเลยมิได้ติดต่อกับผู้รับจำนองเพื่อให้ผู้รับจำนองนำโฉนดที่ดินและเอกสารมาที่สำนักงานที่ดินเพื่อจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองและโอนขายให้แก่โจทก์ จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ฉะนั้นไม่ว่าผลแห่งคำวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยจะออกมาในรูปใดก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังเป็นยุติแล้วได้ผลแห่งคดีก็คงเป็นเช่นเดิม ปัญหาข้อกฎหมายตามที่จำเลยฎีกา จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยแม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกาของจำเลย ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลย