คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4651/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ยื่นเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าเป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัยคำร้องขอขยายระยะเวลาจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 การที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าศาลชั้นต้นใช้เวลาพิจารณาพิพากษา2 ปี จำเลยที่ 1 แต่งทนายความชั้นอุทธรณ์ในระยะกระชั้นชิดทนายจำเลยที่ 1 ไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ในระยะเวลาได้ จึงเป็นเหตุสุดวิสัยนั้น ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องด้วยข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายประการใดบ้าง จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 3ร่วมกันรับผิดชำระเงิน 1,727,534.06 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์และให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ยื่นใบแต่งทนายความคนใหม่พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไป 1 เดือนศาลชั้นต้นอนุญาตขยายระยะเวลา 15 วันนับแต่วันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก 15 วันอ้างว่าจำเลยที่ 1 แต่งทนายความในชั้นอุทธรณ์กระชั้นชิดทนายจำเลยที่ 1 ไม่ทราบข้อเท็จจริงในการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นมาก่อน และเพิ่งได้รับสำเนาคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่สามารถอุทธรณ์ได้ทัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุสมควรจะอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอีก ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ครั้งที่สองของจำเลยที่ 1 ยื่นเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าเป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัย คำร้องขอขยายระยะเวลาจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 พิพากษายืนในผล
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นใช้เวลาพิจารณาพิพากษาประมาณ 2 ปี ทนายจำเลยที่ 1 ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ 1 เดือน แต่ศาลอนุญาตให้เพียง 15 วัน จำเลยที่ 1แต่งทนายความชั้นอุทธรณ์ในระยะกระชั้นชิด ทนายจำเลยที่ 1 ไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ในระยะเวลาที่อนุญาตได้ จึงเป็นเหตุสุดวิสัยนั้น ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องด้วยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายประการใดบ้าง จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลยที่ 1

Share