คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2547/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กำหนดเวลา 1 ปีตามมาตรา 117 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 หมายถึงระยะเวลาที่ให้นำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2497 มาใช้บังคับไปพลางก่อนในระหว่างที่ ก.พ. ยังมิได้กำหนดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 ส่วนมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2518 บัญญัติถึงเมื่อ ก.พ. ได้กำหนดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนตามมาตรา 32 แล้ว หากข้าราชการพลเรือนผู้ใดมีกรณีกระทำผิดวินัยหรือกรณีที่สมควรให้ออกจากราชการก่อนวันที่ ก.พ. กำหนดตำแหน่ง ก็ให้ผู้บังคับบัญชาการดำเนินการเพื่อสั่งลงโทษผู้นั้น หรือสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนที่ใช้อยู่ในขณะนั้น ดังนั้น เมื่อกรณีการกระทำที่โจทก์ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนลงโทษทางวินัยได้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2517 ก่อนที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 ใช้บังคับ แม้โจทก์จะไปให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2519 ภายหลังที่โจทก์ได้รับราชการกำหนดตำแหน่งตามมาตรา 32 ซึ่งเป็นเวลาหลังจากที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2497 และที่แก้ไขได้ถูกยกเลิก และใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 แทนแล้วก็ตาม การดำเนินการเพื่อสั่งลงโทษโจทก์หรือสั่งให้โจทก์ออกจากราชการก็ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2497 และที่แก้ไขซึ่งใช้อยู่ในขณะโจทก์กระทำผิดวินัยหรือมีกรณีที่สมควรให้ออกจากราชการก่อนวันที่ ก.พ. กำหนดตำแหน่งดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา121 ดังนั้นที่จำเลยที่ 1 มีคำสั่งให้ไล่โจทก์ออกจากราชการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2497 และที่แก้ไขจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งอนุศาสนาจารย์ 1 เงินเดือน 1,080 บาท สังกัดกรมราชทัณฑ์จำเลยที่ 1 และอยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 ครั้งสุดท้ายอยู่ที่เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร โจทก์ถูกจำเลยที่ 1 สั่งพักและไล่ออกจากราชการตามคำสั่งที่ 935/2519 โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 85 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2497 แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 172 (ที่ถูกมาตรา 12) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2499 และมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 อันเป็นการลงโทษไล่ออกจากราชการที่ไม่ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย เพราะพระราชบัญญัติดังกล่าวถูกยกเลิกไปแล้วจะนำมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 มาใช้ไม่ได้เพราะมาตรา 117 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่มีผลใช้บังคับแล้ว เพราะเกิน 1 ปี ที่ถูกควรพิจารณาตามมาตรา 85, 86, และ 90 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 เพราะโจทก์มิได้มีความผิดตามข้อกล่าวหาการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายคือต้องออกจากราชการไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือน ระหว่างถูกสั่งพักราชการในระหว่างพิจารณาของศาล และหลังจากศาลพิพากษาคดีจนคดีถึงที่สุดเป็นเวลา 37 เดือนเศษ โจทก์เสียหายไม่ได้รับเงิน 39,960 บาท ขอเรียกค่าเสียหาย 40,000 บาท ขอให้ศาลพิพากษาว่าคำสั่งที่ 935/2519 เป็นโมฆะ และให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาให้โจทก์ได้เข้ารับราชการตามตำแหน่งหน้าที่เดิม ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันใช้เงิน 40,000 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 มีคำสั่งให้ไล่โจทก์ออกจากราชการเพราะคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยซึ่งจำเลยตั้งขึ้นตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดเพื่อสอบสวนโจทก์ซึ่งต้องหาว่าใช้กำลังทำร้ายนักโทษชายสมนึก สินชัย คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยฟังว่าโจทก์มีความผิดตามข้อกล่าวหา ได้รายงานจำเลย จำเลยมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากราชการตามคำสั่งที่ 935/2519 จำเลยได้รายงานการลงโทษโจทก์ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเรียกย่อว่า ก.พ. ทราบได้รับความเห็นชอบจากปลัดกระทรวงมหาดไทยและสำนักงาน ก.พ. แล้ว หากโจทก์เห็นว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบ ควรอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนดแต่โจทก์ หาได้โต้แย้งหรืออุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไม่ ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยจะนำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2497 มาตรา 85 มาใช้ลงโทษโจทก์ไม่ได้เพราะถูกยกเลิกไปแล้ว และจะนำมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 มาใช้ก็ไม่ได้ เพราะมาตรา 117 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่มีผลใช้บังคับ เพราะเกิน 1 ปีนั้น ไม่ตรงกับความเป็นจริงและข้อกฎหมายเพราะพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 มาตรา 121 เป็นบทเฉพาะกาลซึ่งบัญญัติว่าการลงโทษและการให้ออกจากราชการสำหรับข้าราชการพลเรือนที่กระทำผิดวินัย หรือมีกรณีที่สมควรให้ออกจากราชการอยู่ก่อนวันที่ ก.พ. ได้กำหนดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนตามมาตรา 32 คือก่อนวันที่ 9 กันยายน 2518 ซึ่งเป็นวันที่ ก.พ. กำหนดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนในกรมจำเลยที่ 1 โจทก์กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงก่อนวันที่ 9 กันยายน2518 ต้องนำมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 มาใช้บังคับโดยต้องสั่งลงโทษตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้น คือพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2497 มาตรา 72, 76, 79, 84(ซ), 85 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497 มาตรา 11, 12 ลงโทษไล่โจทก์ออกจากราชการ จำเลยพิจารณาลงโทษตามวินัยข้าราชการพลเรือนตามกฎหมายมิได้กลั่นแกล้งโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาเฉพาะประเด็นเรื่องละเมิด

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กำหนดเวลา 1 ปีตามมาตรา 117 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 หมายถึงระยะเวลาที่ให้นำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2497 มาใช้บังคับไปพลางก่อนในระหว่างที่ ก.พ. ยังมิได้กำหนดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 ส่วนมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 บัญญัติถึงเมื่อ ก.พ. ได้กำหนดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนตามมาตรา 32 แล้ว หากข้าราชการพลเรือนผู้ใดมีกรณีกระทำผิดวินัยหรือกรณีที่สมควรให้ออกจากราชการก่อนวันที่ ก.พ. กำหนดตำแหน่งก็ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการเพื่อสั่งลงโทษผู้นั้น หรือสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนที่ใช้อยู่ในขณะนั้น ดังนี้ เมื่อกรณีการกระทำที่โจทก์ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนลงโทษทางวินัยได้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2517 ก่อนที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2518 ใช้บังคับ แม้โจทก์จะไปให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2519 ภายหลังที่โจทก์ได้รับการกำหนดตำแหน่งตามมาตรา 32 ดังที่โจทก์ฎีกาซึ่งเป็นเวลาหลังจากที่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2497 และที่แก้ไขได้ถูกยกเลิกและใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2518 แทนแล้วก็ตาม การดำเนินการเพื่อสั่งลงโทษโจทก์ หรือสั่งให้โจทก์ออกจากราชการก็ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2497 และที่แก้ไขซึ่งใช้อยู่ในขณะโจทก์กระทำผิดวินัยหรือมีกรณีที่สมควรให้ออกจากราชการก่อนวันที่ ก.พ. กำหนดตำแหน่งดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 ดังนั้นที่จำเลยที่ 1 มีคำสั่งที่ 935/2519 ให้ไล่โจทก์ออกจากราชการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2497 และที่แก้ไขจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์แต่อย่างใด

พิพากษายืน

Share