คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2765/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ตามบทบัญญัติมาตรา 100/2 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5)ฯ ศาลจะลงโทษปรับน้อยกว่าอัตราขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นได้ ต้องเป็นกรณีที่ผู้กระทำผิดให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจหรือพนักงานสอบสวน ซึ่งจากข้อมูลที่ผู้กระทำความผิดให้ดังกล่าวทำให้เจ้าพนักงานนำไปใช้เป็นประโยชน์ในการปราบปรามการกระทำผิดรายอื่นต่อไป ข้อเท็จจริงในคดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าจำเลยกระทำผิดและให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณา ไม่ขอต่อสู้คดีเท่านั้น จำเลยจึงไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงใดที่เป็นเบาะแสสำคัญที่จะนำไปใช้ในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษได้ จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15, 66, 67, 102 และริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม, 66 วรรคสอง วางโทษจำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ของกลางให้ริบ
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย 20,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงปรับ 10,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่จำเลยให้การรับสารภาพว่า ตามวันเวลาที่ระบุในฟ้องจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 26 เม็ด น้ำหนักรวม 2.320 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 0.830 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า การที่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นเหตุเข้าเงื่อนไขให้ลงโทษปรับน้อยกว่าอัตราขั้นต่ำตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 100/2 ได้หรือไม่ เห็นว่า ตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าวศาลจะลงโทษปรับน้อยกว่าอัตราขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นได้ ต้องเป็นกรณีที่ผู้กระทำผิดให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ หรือพนักงานสอบสวน ซึ่งจากข้อมูลที่ผู้กระทำความผิดให้ดังกล่าวทำให้เจ้าพนักงานนำไปใช้เป็นประโยชน์ในการปราบปรามการกระทำผิดรายอื่นต่อไป ข้อเท็จจริงในคดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าจำเลยกระทำผิดและให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณา ไม่ขอต่อสู้คดีเท่านั้น ตามบันทึกคำให้การจำเลยชั้นสอบสวนท้ายฎีกาจำเลยไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงใดที่เป็นเบาะแสสำคัญที่จะนำไปใช้ในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษได้ จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ตามบทบัญญัติมาตรา 100/2 ดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับจำเลย 20,000 บาท ต่ำกว่าอัตราขั้นต่ำตามมาตรา 66 วรรคสอง ไม่ถูกต้องสมควรกำหนดโทษปรับเสียใหม่ให้ถูกต้อง ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลย 400,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับ 200,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share