คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นเป็นผลให้โจทก์และจำเลยต่างมีสภาพเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่มีหนี้ต้องชำระต่างตอบแทนกัน ในส่วนจำเลยจะต้องโอนสิทธิครอบครองในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ และโจทก์จะต้องชำระค่าที่ดินให้แก่จำเลยเช่นกัน อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 272 จำเลยย่อมมีสิทธิร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับเพื่อดำเนินการบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ภายใน 10 ปีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองในที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 89 ตำบลแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจานจังหวัดเพชรบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องแก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย โดยโจทก์ต้องชำระเงินค่าที่ดิน 1,546,500 บาท แก่จำเลยกับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์เท่าที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 70,000 บาท คดีถึงที่สุด

จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้โจทก์รับโอนสิทธิครอบครองที่ดินพร้อมชำระเงินค่าที่ดินแก่จำเลยตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีเป็นสิทธิของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยภายใน 10 ปี นับแต่มีคำพิพากษา จำเลยไม่มีสิทธิที่จะบังคับโจทก์ได้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้แก่จำเลย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยมีสิทธิร้องขอให้ศาลออกคำบังคับและดำเนินการบังคับคดีแก่โจทก์ได้หรือไม่เห็นว่า ตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุดของศาลชั้นต้นเป็นผลให้โจทก์และจำเลยต่างมีสภาพเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่มีหนี้ต้องชำระต่างตอบแทนกัน ในส่วนจำเลยจะต้องโอนสิทธิครอบครองในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ และโจทก์จะต้องชำระค่าที่ดินจำนวน1,546,500 บาท ให้แก่จำเลยเช่นกัน อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 272 จำเลยย่อมมีสิทธิร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับเพื่อดำเนินการบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share