คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยนัดประชุมคณะกรรมการและไม่มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อลงมติให้เรียกประชุมใหญ่ จำเลยทั้งสี่มิได้จัดส่งหนังสือนัดประชุมใหญ่แก่สมาชิกทุกคน จำเลยทั้งสี่ไม่ได้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาพร้อมกับหนังสือเชิญประชุม จำเลยทั้งสี่กำหนดอัตราส่วนกรรมสิทธิ์ของสมาชิกแตกต่างจากที่ได้จดทะเบียนไว้ในข้อบังคับ และจำเลยทั้งสี่เสนอตารางการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับโดยมิได้เรียงลำดับข้อที่ขอแก้ไขเทียบกับข้อบังคับเดิม เนื้อหาฎีกาของโจทก์ดังกล่าวในส่วนที่เป็นสาระสำคัญล้วนคัดลอกข้อความในอุทธรณ์มาทั้งสิ้น คงมีส่วนเพิ่มเติมบ้างเล็กน้อยในรายละเอียด ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยในปัญหาเดียวกันไว้แล้ว ฎีกาของโจทก์มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชัดแจ้งว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนอย่างไร ควรวินิจฉัยอย่างไร และด้วยเหตุผลใด จึงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม) ที่ใช้บังคับขณะยื่นฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้เพิกถอนการประชุมและมติที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2557 เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2557 ของจำเลยที่ 1
จำเลยทั้งสี่ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยที่ 1 โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อบังคับจำเลยที่ 1 ข้อ 33 เพียงแต่บังคับให้ส่งคำบอกกล่าวนัดประชุมก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่า 15 วัน เท่านั้น มิได้บังคับว่าต้องให้คำบอกกล่าวถึงสมาชิกก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 15 วัน นอกจากนี้ ข้อบังคับดังกล่าวมุ่งประสงค์ให้มีการแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้าว่าจำเลยจะจัดให้มีการประชุมใหญ่ในกิจการใด ที่ไหน เมื่อใด เพื่อสมาชิกจะได้มีโอกาสเตรียมตัวสอบถามหรือแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ แต่มิได้บังคับเด็ดขาดว่าถ้าไม่แจ้งไปให้สมาชิกก่อนวันนัดประชุม 15 วัน แล้ว การแจ้งดังกล่าวจะต้องเป็นโมฆะเสียเปล่า ดังนั้น ไม่ว่าโจทก์หรือสมาชิกอื่นจะได้รับหนังสือบอกกล่าวก่อนวันนัดประชุมใหญ่ครบกำหนด 15 วัน หรือไม่ เมื่อสมาชิกส่วนใหญ่ทราบกำหนดวันนัดประชุมใหญ่แล้ว ก็เป็นคำบอกกล่าวแจ้งประชุมใหญ่สามัญโดยชอบ สำหรับข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าการประชุมใหญ่ครั้งนี้ไม่มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อลงมติดังกล่าว เมื่อพิจารณาจากข้อบังคับของจำเลยที่ 1 มิได้มีข้อใดระบุว่าต้องมีมติคณะกรรมการจำเลยที่ 1 ก่อนจึงจะมีการจัดประชุมได้ ส่วนข้ออ้างของโจทก์ว่า อัตราส่วนกรรมสิทธิ์ของสมาชิกแตกต่างจากที่จดทะเบียนไว้ในข้อบังคับนั้น นอกจากจะเป็นฟ้องเคลือบคลุมแล้ว ยังได้ความจากพยานจำเลยทั้งสี่ว่าในการนับคะแนนการลงมติของจำเลยที่ 1 เป็นไปตามข้อบังคับของนิติบุคคลจำเลยที่ 1 ข้อ 35 วรรคท้าย สำหรับเหตุที่ว่า ไม่มีการส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง คือ งบการเงินปี 2556 และงบประมาณปี 2557 กับข้อบังคับที่จะแก้ไข แม้จะไม่มีการส่งให้แก่โจทก์ แต่โจทก์ก็สามารถขอใช้สิทธิตรวจดูงบการเงินของจำเลยที่ 1 ได้อยู่แล้ว และเหตุที่ว่า จำเลยทั้งสี่เสนอตารางการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับโดยมิได้เรียงลำดับข้อที่ขอแก้ไขเทียบกับข้อบังคับเดิม ข้ออ้างดังกล่าวหามีผลทำให้การประชุมใหญ่ครั้งนี้ชอบหรือไม่แต่อย่างใด พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 32 และข้อ 34 ไม่มีข้อความตอนใดระบุว่าการเรียกประชุมใหญ่จะต้องผ่านการประชุมคณะกรรมการเพื่อลงมติให้มีการเรียกประชุมใหญ่เสียก่อน จำเลยที่ 2 ในฐานะประธานคณะกรรมการจำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจลงนามเรียกประชุมใหญ่ได้ ทั้งการนัดประชุมครั้งที่สองก็อยู่ภายในกำหนดเวลา 30 วัน นับแต่วันประชุมครั้งแรกซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 มิได้เรียกประชุมคณะกรรมการรวมทั้งโจทก์ เพื่อมีมติให้เรียกประชุมใหญ่ก่อนออกหนังสือเชิญประชุม หาได้ฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสี่มิได้จัดส่งหนังสือนัดประชุมใหญ่แก่สมาชิกทุกคน โดยสมาชิกที่เป็นแปลงที่ดินเปล่า 8 ราย ไม่ได้รับหนังสือเชิญประชุมนั้น ตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 33 ระบุไว้โดยมุ่งประสงค์ให้มีการแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้าว่าจำเลยที่ 1 จะได้จัดให้มีการประชุมใหญ่เมื่อใด ในกิจการใด และที่ใด เพื่อสมาชิกจะได้มีโอกาสเตรียมตัวสอบถามหรือแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาชิก ได้ความจากพยานจำเลยทั้งสี่ว่า ได้จัดส่งหนังสือเชิญประชุมรวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องไปยังสมาชิก รวมทั้งปิดประกาศให้ทราบภายในหมู่บ้านและบริเวณหน้าหมู่บ้านแล้ว ซึ่งตามข้อบังคับดังกล่าวก็มิได้ห้ามการแจ้งให้สมาชิกทราบโดยวิธีอื่นนอกจากหนังสือ ดังนั้น อาจแจ้งทางโทรศัพท์หรือส่งทางไลน์หรือทางอีเมล์ก็ได้ ทั้งได้ความว่าผู้รับมอบอำนาจโจทก์เข้าประชุมใหญ่ทั้งสองครั้ง จึงเชื่อว่าสมาชิกส่วนใหญ่ของจำเลยที่ 1 และโจทก์ทราบล่วงหน้าว่าจะมีการประชุมใหญ่ตามวันเวลาที่กำหนดไว้แล้ว จึงถือว่าได้มีการบอกกล่าวนัดประชุมโดยชอบ แม้สมาชิกที่เป็นแปลงที่ดินเปล่า 8 ราย จะไม่ได้รับหนังสือตามที่โจทก์อ้าง แต่อาจทราบโดยวิธีการอื่นก็ได้ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสี่ไม่ได้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาพร้อมกับหนังสือเชิญประชุมนั้น โจทก์ในฐานะกรรมการและสมาชิกสามารถขอตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงได้อยู่แล้วก่อนวันนัดประชุมใหญ่ ที่โจทก์อ้างว่า จำเลยทั้งสี่ใช้อัตราส่วนกรรมสิทธิ์ที่นำมาใช้ในการลงมติมิได้เป็นไปตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 นั้น คำฟ้องดังกล่าวไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง จึงไม่มีประเด็นดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น ส่วนเหตุอื่นที่โจทก์อ้างในอุทธรณ์นั้นเป็นรายละเอียดปลีกย่อยไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่จำต้องวินิจฉัย พิพากษายืน โจทก์ฎีกา เห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยนัดประชุมคณะกรรมการและไม่มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อลงมติให้เรียกประชุมใหญ่ จำเลยทั้งสี่มิได้จัดส่งหนังสือนัดประชุมใหญ่แก่สมาชิกทุกคน จำเลยทั้งสี่ไม่ได้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาพร้อมกับหนังสือเชิญประชุม จำเลยทั้งสี่กำหนดอัตราส่วนกรรมสิทธิ์ของสมาชิกแตกต่างจากที่ได้จดทะเบียนไว้ในข้อบังคับ และจำเลยทั้งสี่เสนอตารางการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับโดยมิได้เรียงลำดับข้อที่ขอแก้ไขเทียบกับข้อบังคับเดิม เนื้อหาฎีกาของโจทก์ดังกล่าวในส่วนที่เป็นสาระสำคัญล้วนคัดลอกข้อความในอุทธรณ์มาทั้งสิ้น คงมีส่วนเพิ่มเติมบ้างเล็กน้อยในรายละเอียด ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยในปัญหาเดียวกันไว้แล้ว ฎีกาของโจทก์มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชัดแจ้งว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนอย่างไร ควรวินิจฉัยอย่างไร และด้วยเหตุผลใด จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม) ที่ใช้บังคับขณะยื่นฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share