คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2761/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์ซึ่งเป็นบิดาของผู้ร้อง ระหว่างการบังคับคดีโจทก์ถึงแก่ความตาย ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับมรดกความของโจทก์เพื่อดำเนินการบังคับคดีต่อไป เช่นนี้วัตถุประสงค์ของผู้ร้องก็เพื่อมีสิทธิรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาที่โจทก์มีสิทธิจะได้รับจากจำเลย และเป็นสิทธิที่โจทก์มีอยู่ก่อนที่ตนจะถึงแก่กรรม สิทธิดังกล่าวจึงเป็นมรดกตก ทอดแก่ทายาทตาม ป.พ.พ.มาตรา 1599 แม้ตามคำร้อง ของ ผู้ร้องจะใช้ข้อความว่าขอรับมรดกความก็เป็นเรื่องที่โจทก์ใช้ถ้อยคำผิดพลาดไป การยื่นคำร้องดังกล่าวจึงไม่จำต้องยื่นภายใน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์มรณะตาม ป.วิ.พ. มาตรา42 วรรคแรก ฉะนั้น การที่ศาลพิพากษาให้ผู้ร้องเข้ารับมรดกได้จึงมิใช่สั่งหรือพิพากษานอกเหนือไปจากคำร้อง.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจกาโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ชำระหนี้เงินกู้ยืม ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามฟ้องพร้อมด้วยดอกเบี้ย ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ 2 ชำระแทนคดีถึงที่สุด
ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์ซึ่งเป็นบิดาของผู้ร้องได้ถึงแก่กรรมและคดีอยู่ในระหว่างการบังคับคดี ซึ่งจำเลยยังชำระหนี้ให้แก่โจทก์ไม่หมด ผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมเป็นผู้มีส่วนได้เสียในเงินกู้รายนี้ จึงขอรับมรดกความของโจทก์เพื่อดำเนินการบังคับคดีต่อไป
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้รับมรดกของโจทกที่จะดำเนินการบังคับคดีได้ต่อไป
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า วัตถุประสงค์ของผู้ร้องก็เพื่อมีสิทธิที่จะรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับจากจำเลยทั้งสอง สิทธิดังกล่าวโจทก์มีอยู่ก่อนถึงแก่กรรมเมื่อโจทก์ตายสิทธิดังกล่าวย่อมตกทอดได้แก่ทายาท การที่ผู้ร้องใช้ถ้อยคำในหัวข้อคำร้องว่ารับมรดกความ เป็นเพียงการใช้ถ้อยคำที่ผิดพลาดไปเมื่อใจความตามคำร้องพอแปลได้ว่าเป็นการขอบังคับคดีต่อไปหลังจากโจทก์ถึงแก่กรรมแล้วเพราะผู้ร้องเป็นบุตรและเป็นทายาทโดยธรรมย่อมมีสิทธิที่จะขอเข้าเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อรับชำระหนี้แทนโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1599ศาลล่างทั้งสองจึงหาทำคำสั่งหรือคำพิพากษานอกเหนือไปจากคำร้องไม่ เมื่อถือว่าศาลล่างทั้งสองมิได้ทำคำสั่งหรือคำพิพากษานอกเหนือจากคำร้อง เพราะตามคำร้องเป็นเรื่องการขอรับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1599 แล้วการยื่นคำร้องดังกล่าวจึงไม่จำต้องยื่นภายใน 1 ปี นับแต่โจทก์มรณะตามบทบัญญัติมาตรา 42วรรคแรกแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าผู้ร้องเป็นผู้รับมรดกโจทก์และดำเนินการบังคับคดีได้ต่อไปนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนผู้ร้อง200 บาท.

Share