แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าสถานที่ที่จำเลยยื่นใบสมัครหรือทำสัญญาและสถานที่รับบัตรเครดิตจากโจทก์อันเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จำเลยจะสามารถนำบัตรเครดิตไปใช้ได้ตามสัญญานั้น กระทำที่สำนักงานใหญ่ของโจทก์ ถือได้ว่าสำนักงานใหญ่ของโจทก์เป็นสถานที่ที่มูลคดีเกิดขึ้น เมื่อสำนักงานใหญ่ของโจทก์ตั้งอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้น โจทก์จึงชอบที่จะเสนอคำฟ้องของโจทก์ต่อศาลชั้นต้นได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 (1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 53,254.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี และต้นเงิน 28,611.70 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว เห็นว่า สถานที่อนุมัติบัตรเครดิตตามที่โจทก์อ้างในฟ้องไม่ใช่สถานที่ทำสัญญาจึงไม่ใช่สถานที่ที่มูลคดีเกิด และในคำฟ้องไม่ปรากฏว่าทำสัญญาที่ใด จึงไม่อาจถือได้ว่ามูลคดีเกิดในเขตอำนาจของศาลนี้ ทั้งจำเลยมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลนี้ จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิตกับโจทก์ และสำนักงานบัตรเครดิตของโจทก์เป็นผู้อนุมัติการใช้บัตรเครดิตของจำเลย ซึ่งโจทก์ระบุในคำฟ้องว่า สำนักงานบัตรเครดิตของโจทก์ตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของโจทก์ เลขที่ 3000 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร หลังจากโจทก์อนุมัติบัตรเครดิตวีซ่าและออกบัตรเครดิตให้แก่จำเลย จำเลยได้รับบัตรเครดิตไปจากโจทก์แล้ว จำเลยใช้บัตรเครดิตเบิกเงินสดล่วงหน้าชำระค่าสินค้าและค่าบริการอื่น ๆ จนเป็นหนี้โจทก์ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าสถานที่ที่จำเลยยื่นใบสมัครหรือทำสัญญาและสถานที่รับบัตรเครดิตจากโจทก์อันเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จำเลยจะสามารถนำบัตรเครดิตไปใช้ได้ตามสัญญานั้น กระทำที่สำนักงานใหญ่ของโจทก์ ถือได้ว่าสำนักงานใหญ่ของโจทก์เป็นสถานที่ที่มูลคดีเกิดขึ้น เมื่อสำนักงานใหญ่ของโจทก์ตั้งอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้น โจทก์จึงชอบที่จะเสนอคำฟ้องของโจทก์ต่อศาลชั้นต้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (1) ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้รับคำฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป