คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยประกอบธุรกิจธนาคาร ได้มีคำสั่งห้ามพนักงานมีส่วนเกี่ยวพันกับลูกค้าในลักษณะที่อาจจะให้เป็นที่ครหา การกู้ยืมเงินลูกค้า การเรียกร้อง หรือแสวงหาผลประโยชน์หรือสิ่งตอบแทนจากลูกค้า ซึ่งการกระทำเหล่านี้เป็นการเบียดเบียนลูกค้าของธนาคาร โจทก์เป็นพนักงานสินเชื่อทำหน้าที่หัวหน้าหน่วย การที่ค. ภริยาโจทก์ขอยืมเงินจาก อ. ลูกค้าของจำเลยประจำหน่วยนั้น และในการกู้ยืมนี้ โจทก์ได้ทำสัญญาค้ำประกันไว้แก่ อ. ด้วย เป็นการรู้เห็นเป็นใจ ความประพฤติของโจทก์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการเบียดเบียนลูกค้าในทำนองเดียวกัน โดยอาศัยอำนาจหน้าที่ และเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยอันเป็นกรณีร้ายแรง จำเลยเลิกจ้างด้วยเหตุดังกล่าว จึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ ครั้งสุดท้ายทำหน้าที่พนักงานธุรการ ๕ เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ จำเลยจ้างโจทก์โดยไม่ได้กระทำความผิด ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จจำนวน ๑๑๓,๐๒๕ บาท และค่าชดเชย ๖๑,๖๕๐ บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ประพฤติผิดวินัยของจำเลย ตามข้อบังคับฉบับที่ ๙ ข้อ ๓ (๔) (๗) และ (๑๐) โดยขณะที่โจทก์ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสินเชื่อ ๕ ประจำสาขาเลย ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยอำเภอเมืองเลย โจทก์ได้ร่วมกับนางดวงพร คมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นภริยาโจทก์ขอกู้ยืมเงินจากนายอุ่น ภากระจ่าง ลูกค้าของจำเลย ประจำหน่วยอำเภอเมืองเลย แต่นายอุ่นไม่มีเงิน โจทก์จึงขอให้นายอุ่นนาที่ดิน น.ส.๓ ก. เลขที่ ๔๔๑๗ ซึ่งเป็นของนายอุ่น ไปขายฝากเพื่อนำเงินมาให้โจทก์และภริยายืม นายอุ่นอยู่ในภาวะจำยอมจึงต้องขายฝากที่ดินแปลงดังกล่าวและนำเงินมาให้โจทก์และภริยาเป็นเงิน ๒๔,๐๐๐ บาท จำเลยมีคำสั่งห้ามพนักงานของจำเลยทุกคนกระทำการเบียดเบียนลูกค้าของจำเลยโดยเด็ดขาด และในคำสั่งห้ามยังระบุอีกว่าการกู้ยืมเงินลูกค้าเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับลูกจ้างของจำเลยทุกคน ผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษไล่ออก โจทก์จงใจฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว จึงลงโทษให้ออก และการกระทำของโจทก์เป็นกรณีร้ายแรง จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๔๗ (๓)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์เป็นเงิน ๖๐,๖๕๐ บาท คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย เข้าทำงานตั้งแต่วันที่ ๒ มกราคม ๒๕๑๙ ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ ๑๐,๒๗๕ บาท ขณะที่โจทก์ดำรงตำแหน่งพนักงานสินเชื่อ ๕ หัวหน้าหน่วยอำเภอเมืองเลย นางดวงพร คนสมบูรณ์ภริยาโจทก์ได้ขอยื่นเงินจากนายอุ่น ภากระจ่าง ลูกค้าธนาคารจำเลยประจำหน่วยอำเภอเมืองเลย นายอุ่นได้ขายฝากที่ดิน น.ส.๓ ของตนให้นางสงบ สิงห์หล้า เพื่อนำเงินมาให้นางดวงพรยืม ในการกู้ยืมนี้โจทก์ทราบดีและเป็นใจให้นางดวงพรภริยาของตนไปกู้ยืมเงินจากนายอุ่น โดยโจทก์ได้ทำสัญญาค้ำประกันการกู้ยืมเงินรายนี้ด้วย ส่วนหลักฐาน น.ส. ๓ ของนายอุ่นที่เอาไปขายฝากให้นางสงบนั้น เป็นเอกสารที่นายอุ่นมอบให้ธนาคาร จำเลยยึดถือไว้เป็นหลักฐานประกันการกู้ยืมเงิน ได้ถูกลักลอบนำออกไปจากธนาคารโดยโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องในการลักลอบนำเอา น.ส.๓ ของนายอุ่น ออกไปจากธนาคาร จำเลยเห็นว่าโจทก์กระทำการเบียดเบียนลูกค้าของธนาคารจงใจไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับระเบียบ คำสั่ง และวิธีปฏิบัติของธนาคาร ประพฤติตนเป็นที่เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่และธนาคารเสียความไว้วางใจในการปฏิบัติหน้าที่ จำเลยจึงมีคำสั่งลงโทษให้ออกฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของจำเลย และประพฤติตนเป็นที่เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ อันเป็นความผิดตามข้อบังคับของจำเลย ฉบับที่ ๙ ว่าด้วยวินัย การสอบสวนและการลงโทษ ฯ ข้อ ๓ ข้อ ๖ (๒) (๖) ข้อเท็จจริงได้ความดังกล่าว คดีมีปัญหาที่จะได้วินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยอาศัยเหตุดังกล่าว จำเลยจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์หรือไม่ ในปัญานี้จำเลยอุทธรณ์มา ๒ ข้อ โดยข้อแรกอุทธรณ์ว่า โจทก์เป็นพนักงานสินเชื่อทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยอำเภอเมืองเลย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีอิทธิพลเหนือลูกค้าของจำเลยอย่างยิ่ง การที่นางดวงพร คมสมบุรณ์ ซึ่งเป็นภริยาโจทก์ไปขอกู้ยืมเงินนายอุ่น ภากระจ่าง ลูกค้าของจำเลยประจำหน่วยดังกล่าว แต่นายอุ่นไม่มีเงินจึงขายฝากที่ดินเพื่อเอาเงินให้นางดวงพรกู้ยืมนั้น โจทก์ก็รู้เห็นตลอด การที่นายอุ่นยอมทำเช่นนั้นแสดงให้เห็นว่าเกิดจากอิทธิพลของโจทก์ ซึ่งตามหนังสือเวียนเอกสารท้ายคำให้การหมายเลย ๓ และ ๔ จำเลยก็ได้มีคำสั่งห้ามพนักงานของจำเลยทุกคน กู้ยืมเงินลูกค้าของจำเลยโดยเด็ดขาด และถือว่าเป็นกรณีที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง การกระทำของโจทก์จึงเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๔๗ (๓) จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยประกอบธุรกิจการธนาคาร ได้มีหนังสือเวียนเป็นคำสั่งห้ามพนักงานมีส่วนเกี่วพันกับลูกค้าในลักษณะที่อาจจะให้เป็นที่ครหา การกู้ยืมเงินลูกค้า การเรียกร้องหรือแสวงหาผลประโยชน์หรือสิ่งตอบแทนจากลูกค้าซึ่งการกระทำเหล่านี้เป็นการเบียดเบียนลูกค้าธนาคาร โจทก์เป็นพนักงานสินเชื่อทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยอำเภอเมืองเลย ซึ่งอำนาจหน้าที่ของโจทก์มีส่วนเป็นคุณและโทษแก่ลูกค้าได้ การที่นางดวงพร คนสมบูรณ์ ภริยาโจทก์ได้ขอยืมเงินจากนายอุ่น ภากระจ่าง ลูกค้าของจำเลยประจำหน่วยอำเภอเมืองเลย ซึ่งโจทก์เป็นหัวหน้าหน่วยอยู่และในการกู้ยืมนี้โจทก์ก็ทราบดี โดยโจทก์ได้ทำสัญญาค้ำประกันการกู้ยืมให้ไว้แก่นายอุ่นด้วย เป็นการรู้เห็นเป็นใจในการที่นางดวงพรประพฤติเช่นนี้ นอกจากนี้ยังได้ความว่านายอุ่นได้นำ น.ส.๓ ที่นายอุ่นนำมาให้จำเลยยึดถือเป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินนั้น ไปขายฝากไว้แก่นางสงบ สิงห์หล้า นำเงินมาให้นางดวงพรยืม โดยโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องในการลักลอบนำเอา น.ส.๓ ออกไปขายฝากดังกล่าวด้วย ความประพฤติของโจทก์เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการเบียดเบียนลูกค้าในทำนองเดียวกัน โดยอาศัยอำนาจหน้าที่และเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยอันเป็นกรณีร้ายแรง จำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุดังกล่าวจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share