แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างแรงงานและเรียกค่าเสียหาย ปรากฏว่าศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในอีกคดีหนึ่งขณะที่คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยได้ขอเข้าว่าคดีนี้แทนจำเลย และได้มีคำขอโดยทำเป็นคำร้องเพื่อให้ศาลสั่งจำหน่ายคดี ทั้งเป็นโจทก์คดีนี้ได้ยื่นคำขอรับชำรหนี้ไว้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะตรวจและสอบสวนแล้วทำความเห็นต่อศาลเพื่อมีคำสั่งตามนัยที่บัญญัติไว้ในมาตรา 105 และมาตรา 106 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายฯ แม้ศาลฎีกาจะดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษาไปในคดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ยังจะต้องทำการสอบสวนเพื่อเสนอความเห็นต่อศาลอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้น การที่จะพิจารณาคดีนี้ต่อไปจึงไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างไร ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียได้ตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายฯ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๑๐ จำเลยได้ทำสัญญาจ้างโจทก์เป็นผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ มีกำหนด ๕ ปี ค่าจ้างรายเดือน เดือนละ ๓,๐๐๐ เหรียญอเมริกัน กับประโยชน์อื่นอีกหลายประการ และต่อมาจำเลยต่ออายุการจ้างโจทก์อีก ๕ ปี ครั้นวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๑๕ คณะกรรมการบริษัทจำเลยลงมติให้เลิกจ้างโจทก์ ซึ่งเป็นการเลิกจ้างก่อนครบกำหนดที่ต่ออายุไว้ ทำให้โจทก์เสียหาย ขาดเงินเดือนและประโยชน์ที่จะพึงได้ โจทก์เรียกร้องทวงถาม จำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน ๑๔,๑๐๘,๖๒๙,.๖๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะใช้เงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยให้การต่อสู้คดีและฟ้องแย้งกับแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้ง ขอให้บังคับโจทก์โอนจำนวน ๒๕,๐๐๐ หุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นหรือบุคคลซึ่งจำเลยจะได้กำหนดและให้จำเลย (น่าจะเป็นโจทก์) รับเงินจำนวน ๘๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ หากสภาพแห่งนี้ไม่เปิดซองให้บังคับโจทก์ได้ ให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายจำนวน ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าโจทก์มิได้ตกลงจะโอนหุ้นตามที่จำเลยอ้าง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์จำนวน ๔,๗๒๙,๐๐๑.๘๓ บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งปีจากต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๖ เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระให้โจทก์เสร็จสำหรับฟ้องแย้งของจำเลยให้ยก
โจทก์และจำเลยต่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นสองจำนวน จำนวนแรกเป็นเงินไทย ๓,๗๒๔,๖๐๑.๘๓ บาท จำนวนที่สองเป็นเงินต่างประเทศ ๕๐,๒๒๐ เหรียญสหรัฐ จำนวนที่สองนี้หากจะใช้ด้วยเงินไทย คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยเปลี่ยนเงินโดยเฉลี่ยเท่าที่ธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพมหานครทำการขายเหรียญสหรัฐอเมริกาในวันที่มีคำพิพากษานี้ แต่ต้องไม่เกิน ๑ เหรียญต่อ ๒๐.๔๕ บาท และไม่ต่ำกว่า ๑ เหรียญต่อ ๒๐ บาท ตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยกับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินทั้งสองจำนวนดังกล่าว นับแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๖ เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาอย่างคนอนาถา
ปรากฏว่าขณะคดีอยู่ในรหว่างการพิจารณาของศาลฎีกามีประกาศของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในราชกิจจานุเบกษาว่า กองทัพอากาศได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องขอให้บริษัทการบินแอร์สยาม จำกัด จำเลยในคดีนี้ล้มละลาย และศาลแพ่งได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตั้งแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๒๑ ศาลฎีกาจึงได้สั่งให้ศาลชั้นต้นหมายนัดคู่ความในคดีนี้ รวมทั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยมาสอบถาม และศาลชั้นต้นได้ดำเนินการแล้ว ได้ความตามคำแถลงรับของทนายโจทก์ ทนายจำเลย และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยว่า
๑. คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยยังมีผลใช้บังคับอยู่
๒. โจทก์ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้รายนี้ไว้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำลังดำเนินการสอบสวนคำขอของโจทก์อยู่
๓. เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ประสงค์จะเข้าดำเนินคดีแทนจำเลยกับขอให้ศาลฎีกาจำหน่ายคดีนี้ โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ยื่นคำร้องลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๒ ขอเข้าว่าคดีแทนจำเลยกับขอให้ศาลสั่งจำหน่ายคดีด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์คดีนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะตรวจและสอบสวนแล้วทำความเห็นต่อศาลเพื่อมีคำสั่งตามนัยที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๕ และมาตรา ๑๐๖ แห่งพระราชบัญญัติล้มละาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ แม้ศาลฎีกาจะดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษาไปในคดีนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ยังจะต้องทำการสอบสวนเพื่อเสนอความเห็นต่อศาลอีกชั้นหนึ่ง การที่จะพิจารณาคดีนี้ต่อไปจึงไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างไร สมควรจำหน่ายคดีตามอำนาจที่มาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ ได้ให้ไว้
จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.