คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ซื้อที่ดิน น.ส.3 แปลงพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลในคดีอื่น และจดทะเบียนรับโอนที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินแล้วจำเลยคดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวได้ร้องคัดค้านการขายทอดตลาดอ้างว่า ขายในราคาต่ำ ขอให้ยกเลิกการขาย คดีอยู่ระหว่างการไต่สวน แต่สิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลโดยสุจริตย่อมเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 โจทก์จึงได้ไปซึ่งสิทธิในที่ดินพิพาทมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้ และในกรณียึดทรัพย์ขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลนี้จำเลยหาอาจยกเหตุที่ได้ครอบครองที่ดินพิพาทเกินกว่า 1 ปีขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินนั้นได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 4 โดยซื้อจากการขายทอดตลาดของศาลชั้นต้น เมื่อระหว่างเดือนมกราคมถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2530 จำเลยกับพวกได้บุกรุกเข้าไปปลูกต้นกล้วยในที่ดินของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยถอนต้นกล้วยออกไปจากที่ดินของโจทก์ห้ามยุ่งเกี่ยวในที่ดินแปลงดังกล่าวอีกต่อไปกับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายปีละ 12,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะถอนต้นกล้วยออกไปจากที่ดินของโจทก์หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามก็ให้โจทก์เป็นผู้จัดการถอนต้นกล้วยดังกล่าวเองโดย ให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท จำเลยยังคงเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท เนื่องจากการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทตามคำสั่งศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 249/2525 จำเลยได้คัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ และศาลฎีกาได้มีคำสั่งถึงที่สุดให้รับคำร้องคัดค้านของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไป คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลถือได้ว่าโจทก์ยังไม่ได้เป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาล ไม่มีสิทธินำคำสั่งของศาลไปโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยถอนต้นกล้วยออกจากที่ดิน น.ส.3เลขที่ 4 ของโจทก์ ห้ามเข้ายุ่งเกี่ยวในที่ดินแปลงดังกล่าวอีกต่อไปกับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ปีละ 4,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (17 เมษายน 2530) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะถอนต้นกล้วยออกไปจากที่ดินของโจทก์ และเลิกยุ่งเกี่ยวในที่ดินของโจทก์แต่ค่าเสียหายในส่วนนี้ให้โจทก์เรียกร้องจากจำเลยได้ไม่เกินกว่ากำหนด 5 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาเป็นต้นไป คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ได้ซื้อที่ดิน น.ส.3 แปลงพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลชั้นต้นคดีหมายเลขแดงที่ 249/2525 และได้จดทะเบียนรับโอนที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจำเลยในคดีนี้เป็นจำเลยในคดีแพ่งดังกล่าว แต่ในการขายทอดตลาดนั้นจำเลยได้ร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์โดย อ้างว่าขายที่ดินพิพาทในราคาต่ำ ขอให้ยกเลิกการขาย ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วให้ยกคำร้อง ของ จำเลยที่ขอให้ศาลยกเลิกการขาย มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยประเด็นแรกว่าคดีร้องคัดค้านการขายทอดตลาดยังไม่ถึงที่สุดโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่เห็นว่า สิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลโดยสุจริตย่อมเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1330 ดังนั้น โจทก์ย่อมจะได้ไปซึ่งสิทธิในที่ดินพิพาทและปรากฏว่าโจทก์ได้รับโอนที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อของโจทก์แล้วโจทก์ย่อมถือสิทธิมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่เคยเข้าครอบครองที่ดินพิพาท โจทก์ละเลยถึงวันฟ้องเกินกว่า 1 ปี คดีโจทก์ขาดอายุความนั้น เห็นว่าในกรณียึดทรัพย์ขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลนั้น จำเลยหาอาจยกเหตุเพราะเป็นผู้ครอบครองที่ดินขึ้นต่อสู้สิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลได้ไม่ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share