คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีอาญาศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานบุกรุกโดยจำเลยขึงลวดหนามรุกล้ำเข้าไปในบริเวณที่ดินบางส่วนของโจทก์ ต่อมาโจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่จำเลยบุกรุกและให้ออกจากที่ดินส่วนเลยขึ้นไปทางด้านเหนืออีก ซึ่งในคดีอาญาเดิมนั้นศาลฎีกายังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือ เช่นนี้ ศาลจะงดสืบพยานทั้งสองฝ่าย โดยถือเอาข้อเท็จจริงในสำนวนคดีอาญาและเอกสารที่คู่ความส่งอ้างในคดีแพ่งเท่านั้นมาเป็นข้อเท็จจริงในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งหาเพียงพอไม่ เพราะในคดีอาญาศาลยังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินพิพาทส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือนั้นเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกยึดถือเอาที่ดินบางส่วนของโจทก์โดยทำลายหลักเขตแล้วขึงลวดหนามรุกล้ำเข้าไปในบริเวณที่ดินของโจทก์ตามแผนที่ท้ายฟ้อง โจทก์ได้ร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีอาญาต่อจำเลย คดีอาญาถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานบุกรุกตามสำนวนคดีอาญาแดงที่ 170/2497 ของศาลจังหวัดตรัง แต่จำเลยไม่ยอมรื้อรั้วลวดหนามและสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยบุกรุกในที่ของโจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลยให้รื้อสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไป

จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยทางครอบครองปรปักษ์ คดีโจทก์ขาดอายุความ และว่าแผนที่ท้ายฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้อง

คู่ความรับกันว่าแผนที่กลางของที่พิพาทในคดีอาญาแดงที่ 170/2497 นั้นถูกต้อง จึงไม่ต้องทำแผนที่กลางใหม่อีก

โจทก์จำเลยต่างอ้างพยานเอกสารและโจทก์อ้างสำนวนคดีอาญาแดงที่ 170/2497 ตลอดจนเอกสารของฝ่ายโจทก์ในคดีอาญานั้นทั้งหมดแล้วโจทก์จำเลยแถลงว่าพยานที่อ้างสืบนอกจากปรากฏในบัญชีพยานในคดีอาญานั้นแล้ว โจทก์จำเลยได้อ้างเพิ่มในคดีนี้เพื่อสืบเกี่ยวกับการได้มาและครอบครองที่ดินพิพาทเพิ่มเติมจากที่สืบแล้ว

แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงงดสืบพยาน 2 ฝ่ายโดยให้นำสำนวนคดีอาญาแดงที่ 170/2497 มาประกอบการวินิจฉัย

ศาลชั้นต้นเห็นว่า การพิพากษาคดีนี้ต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญาและฟังตามเอกสารที่คู่ความส่งอ้างและว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้ขับไล่จำเลยให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดในที่พิพาท ห้ามมิให้จำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ในคดีอาญาเรื่องนั้นโจทก์ฟ้องเพียงว่าจำเลยบังอาจทำลายหลักเขตเครื่องหมายที่ดินแล้วขึงลวดหนามรุกล้ำเข้ามาในบริเวณที่ดินของโจทก์ ศาลฎีกาวินิจฉัยในคดีอาญาเรื่องนั้นแต่เพียงว่า จำเลยได้บุกรุกและขึงลวดหนามรุกล้ำเข้าไปในบริเวณที่ดินอันเป็นของโจทก์ แต่ในคดีแพ่งนี้ที่ดินซึ่งคู่ความพิพาทกันยังมีที่ดินเลยขึ้นไปทางด้านเหนืออีก ซึ่งศาลฎีกายังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงในคดีอาญาเรื่องนั้นเกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือ ในคดีแพ่งนี้จึงมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาถึงที่ดินตอนที่กล่าวนี้ตามประเด็นที่คู่ความโต้เถียงกันนั้นต่อไป จะอาศัยแต่ข้อเท็จจริงในสำนวนคดีอาญาและเอกสารที่คู่ความส่งอ้างมาวินิจฉัยหาเพียงพอไม่

พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาต่อไปตามนัยข้างต้นแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share