คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3222/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด และให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดและจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการชดใช้เงินทดรองซึ่งโจทก์ในฐานะหุ้นส่วนผู้หนึ่งได้ออกทดรองไปคืนแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองให้การปัดความรับผิดด้วยเหตุหลายประการ แต่ไม่ได้ให้การว่าการที่โจทก์ออกเงินทดรองไปเป็นการเอื้อมเข้าไปจัดการงานของห้างโดยพลการซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1043 ให้บังคับตามบทบัญญัติว่าด้วยจัดการนอกสั่ง และศาลชั้นต้นก็มิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดีแล้ว จำเลยฎีกาว่าการกระทำของโจทก์เป็นการที่หุ้นส่วนอันมิได้ผู้จัดการเอื้อมเข้าไปจัดการงานของห้างโดยพลการ ซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยจัดการงานนอกสั่ง ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าข้อฎีกาของจำเลยดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาที่ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225,249 จะยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้หนึ่งในห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ โจทก์ได้จ่ายเงินทดรองในการดำเนินกิจการของห้างไป 39,000 บาท แต่ห้างดำเนินการค้าขายขาดทุน ต้องหยุดกิจการและจำเลยที่ 2 ได้ขายกิจการไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ขอให้เลิกห้าง ตั้งผู้ชำระบัญชี และชดใช้เงินทดรองแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่เคยจ่ายเงินทดรองแก่ห้างจำเลยที่ 1ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์เองเป็นผู้ขัดขวางการเลิกห้างและการชำระบัญชีขอให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็น แล้วพิจารณาพิพากษาให้เลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดเพชรเกษมจำเลยที่ 1 ตั้งเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีเป็นผู้ชำระบัญชี และให้จำเลยทั้งสองใช้เงิน 29,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อ ค. นอกนั้นไม่รับจำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์คำสั่ง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาว่าการกระทำของโจทก์ในการเข้าไปดำเนินกิจการภัตตาคารจำเลยที่ 1 เป็นการที่โจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนอันมิได้เป็นผู้จัดการเอื้อมเข้าไปจัดการงานของห้างหุ้นส่วนโดยพลการ ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1043 บัญญัติให้บังคับตามประมวลกฎหมายดังกล่าวว่าด้วยการจัดการงานนอกสั่ง ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225, 249 เพราะจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคำให้การและศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ จำเลยทั้งสองจึงยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

พิพากษายกฎีกาจำเลยทั้งสอง คืนค่าธรรมเนียมฎีกาแก่จำเลยทั้งสองค่าทนายความชั้นฎีกาเป็นพับ

Share