คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

วันเกิดเหตุ จำเลยกลับบ้าน เห็นผู้ตายกำลังกอดปล้ำข่มขืนเพื่อจะกระทำชำเราภริยาจำเลย จำเลยจึงเปิดประตูเข้าไปฟันผู้ตาย 2 ที แล้วจำเลยวิ่งหนีไปทางหลังบ้าน เพราะกลัวผู้ตายซึ่งคว้ามีดจะทำร้ายจำเลย ผู้ตายยังไล่จำเลยไปอีกติด ๆ กัน จำเลยหนีไม่พ้น จึงหันหน้ามาฟันผู้ตายอีก 2-3 ที ผู้ตายผละหนีไปทางหน้าบ้าน แล้วไปนอนตายในลำห้วย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยให้พ้นภยันตราย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย ภยันตรายนั้นใกล้จะถือ และถือได้ว่าจำเลยได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๐๘ จำเลยได้ใช้มีดพร้างอเป็นอาวุธฟันทำร้ายร่างกายนายบุญถึง สาหะกิจ หลายแผลโดยเจตนาฆ่า นายบุญถึงได้ถึงแก่ความตายในทันใดนั้น ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ และสั่งริบของกลาง
จำเลยให้การว่า จำเลยฟันผู้ตายโดยเจตนาฆ่า เพื่อป้องกันตนเองและภริยาจำเลยให้พ้นอันตราย ทั้งบันดาลโทสะ โดยผู้ตายเข้าไปปลุกปล้ำข่มขืนภริยาจำเลยแล้วจะแทงทำร้ายจำเลย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำเพื่อป้องกันเกียรติยศชื่อเสียง หรือสิทธิของจำเลย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย แต่จำเลยกระทำการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๖๙ จำคุกจำเลย ๒ ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยกระทำการป้องกันสิทธิของจำเลยพอสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๖๘ พิพากษากลับศาลชั้นต้น เป็นให้ยกฟ้องโจทก์ มีดของกลางคืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยบันดาลโทสะหรือมิฉะนั้นเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จำเลยไล่ฟันผู้ตายข้างเดียว จำเลยย่อมมีความผิด
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนเกิดเหตุเรื่องนี้ ผู้ตายเคยไปกอดปล้ำภริยานายเพ็ชร์น้าชายนางทรัพย์ จนนายเพ็ชร์และภริยาต้องอพยพจากที่อยู่ไป ทางพิจารณาได้ความจากร้อยตำรวจเอกดำรงพนักงานสอบสวนคดีนี้ว่า เมื่อประมาณ ๓-๔ เดือน ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายเคยข่มขืนกระทำชำเรานางมุ่ยระหว่างจำเลยไม่อยู่ครั้งหนึ่ง แต่นายมุ่ยไม่กล้าบอกจำเลยกลัวจะมีเรื่องกัน หลังจากนั้นผู้ตายไปขืนใจบ่อย ๆ ซึ่งนางมุ่ยจำยอมตลอดมา นางมุ่ยกลุ้มใจจนกระทั่งกินยาตาย แต่สามีช่วยไว้ได้ ในวันเกิดเหตุจำเลยกลับบ้านเห็นผู้ตายกำลังกอดปล้ำข่มขืนเพื่อชำเรานางมุ่ยภริยาจำเลย จำเลยจึงเปิดประตูเข้าไปฟันผู้ตาย ๒ ที่ แล้วจำเลยวิ่งหนีไปทางหลังบ้าน เพราะกลัวผู้ตายซึ่งคว้ามีดจะทำร้ายจำเลย ผู้ตายยังไล่ตามจำเลยไปอีกติด ๆ กัน จำเลยหนีไม่พ้น จึงหันหน้ามาฟันผู้ตายอีก ๒-๓ ที ผู้ตายผละหนีไปทางหน้าบ้านแล้วไปนอนตายในลำห้วยในคืนนั้น ดังนี้ เป็นการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย ภยันตรายนั้นใกล้จะถึง และจำเลยได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๖๘ พิพากษายืน.

Share