แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การรับเงินกินเปล่าเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าตามสัญญาธรรมดา ไม่เป็นเหตุที่จะบังคับให้โจทก์ต้องยอมให้จำเลยเช่าเกิน 3 ปี โดยไม่ต้องจดทะเบียน โจทก์บอกเลิกการเช่าได้ ( อ้างฎีกาที่ 1325/2506 )
โจทก์นำหนังสือบอกกล่าวเลิกการเช่าไปส่งให้จำเลย ไม่พบจำเลย จึงอ่านข้อความในหนังสือนั้นให้คนในร้านฟัง แล้วให้เซ็นรับ แต่ไม่มีคนยอมรับ จึงได้ทิ้งหนังสือไว้ที่ในร้านชองจำเลย ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาเช่าไปถึงจำเลยโดยชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ โจทก์บอกเลิกเช่าแล้ว จำเลยก็ไม่ออก ขอให้ศาลบังคับ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะตึกยังมิได้โอนเป็นของโจทก์เจ้าของร่วมมิได้มอบให้ฟ้อง จำเลยเสียเงินกินเปล่าไปแล้วในงวด ๓ ปีแรก และยังมีข้อตกลงให้เช่าต่อไปอีก ๓ ปี จำเลยยังไม่ได้รับหนังสือบอกเลิกเช่า โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกการเช่า และฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้จำเลยเช่าตึกพิพาทต่อไปอีก ๒ งวด จนครบสัญญาเช่า
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งตามฟ้องเดิมของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เงินกินเปล่าไม่ใช่สิ่งตอบแทนอย่างอื่นนอกจากเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าเป็นการเช่าตามสัญญา จำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวเลิกเช่าแล้ว โจทก์เป็นเจ้าของร่วมและได้ซื้อตึกพิพาท จึงมีอำนาจฟ้อง ให้ขับไล่จำเลยและบริวาร และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายยกฟ้องแยกจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์เป็นเจ้าของร่วม และได้ซื้อตึกพิพาทมาเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แต่ผู้เดียว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง การรับเงินกินเปล่าเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าตามสัญญาเช่าธรรมดา ไม่เป็นเหตุที่จะบังคับให้โจทก์ต้องยอมให้จำเลยเช่าเกิน ๓ ปี โดยไม่ต้องจดทะเบียน ดังฎีกาที่ ๑๓๒๕/๒๕๐๖ โจทก์บอกเลิกเช่าได้ โจทก์นำหนังสือบอกเลิกการเช่าไปส่งให้จำเลย ไม่พบจำเลย จึงอ่านข้อความในหนังสือนั้นให้คนในร้านฟัง แล้วให้เซ็นรับ ไม่มีคนยอมรับ จึงได้ทิ้งหนังสือไว้ที่ร้านของจำเลย ดังนี้ ถือได้ว่า โจทก์ได้แสดงเจตนาบอกเลิก สัญญาเช่าไปถึงจำเลยโดยชอบแล้ว
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย.