คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2726/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่าการเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิมหรือเทียบเท่า ศาลฎีกาพิพากษายืน เมื่อสัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยข้อ 3 กำหนดว่าลูกจ้างจะต้องพ้นหน้าที่เมื่อมีอายุ30 ปีบริบูรณ์ กรณีจึงต้องอยู่ในบังคับตามความในข้อ 3 ของสัญญาจ้างดังกล่าวอันเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างด้วย จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2529 โจทก์มีอายุครบ 30ปีบริบูรณ์วันที่ 23 เมษายน 2529 ในชั้นบังคับคดี ขณะนั้นโจทก์มีอายุเกิน 30 ปีแล้ว จำเลยได้มีคำสั่งที่ 08/2530 ให้รับโจทก์กลับเข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2529 ถึงวันที่โจทก์มีอายุครบ 30 ปีบริบูรณ์ กับได้จ่ายค่าจ้างในช่วงเวลาดังกล่าวให้แก่โจทก์โดยนำมาวางศาลดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาครบถ้วนและถูกต้องแล้ว การบังคับคดีเป็นอันสิ้นสุด ที่โจทก์จำเลยได้ทำข้อตกลงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2530 เป็นเรื่องนอกเหนือจากคำพิพากษา ไม่อาจนำมาบังคับในคดีนี้ได้.(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่397/2524)

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิมหรือเทียบเท่า โดยมีอัตราค่าจ้างเท่าเดิม และให้จำเลยจ่ายค่าจ้างในอัตราเดือนละ 8,445 บาทตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2529 เป็นต้นไปให้แก่โจทก์จนกว่าจำเลยจะรับโจทก์กลับเข้าทำงาน ศาลฎีกาพิพากษายืน คดีถึงที่สุดศาลแรงงานกลางออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน7 วัน ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงกันต่อหน้าศาลตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลจดไว้ในรายงาน ฯ วันที่ 10กุมภาพันธ์ 2530 ว่า จำเลยตกลงให้เงินช่วยเหลือโจทก์จำนวน 6 เท่าของเดือน และตกลงรับโจทก์เข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานห้องสมุดตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2530 ในอัตราค่าจ้างเดือนละ 3,540 บาทโดยนับอายุงานใหม่ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนรายงานฯ ดังกล่าวว่าเป็นกระบวนพิจารณาผิดระเบียบ และขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยขอให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา
ศาลแรงงานกลางเห็นว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 10กุมภาพันธ์ 2530 มิใช่กระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ จึงไม่เพิกถอนให้ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันโจทก์ด้วยเหตุประการใดเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องไปว่ากล่าวกับจำเลยต่างหาก จำเลยอ้างว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้วนั้น เห็นว่าไม่ถูกต้องเพราะจำเลยจะบรรจุโจทก์เข้าทำงานใหม่ย้อนหลังไปเช่นนั้นไม่ได้ จะบรรจุเมื่อใดก็ต้องเป็นวันนั้น จึงมีคำสั่งให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15 วัน
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
จำเลยอุทธรณ์แผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์กับจำเลยได้ทำสัญญาจ้างฉบับลงวันที่ 9 ตุลาคม 2521 โดยความในข้อ 3 กำหนดว่า…..ฯลฯ ลูกจ้างทราบแล้วว่าลูกจ้างต้องพ้นหน้าที่เมื่อลูกจ้างมีอายุครบ 30 ปีบริบูรณ์…..ฯลฯ เช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่า การเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิมหรือเทียบเท่าตำแหน่งเดิมต่อไปนั้น กรณีจะต้องอยู่ในบังคับตามความในข้อ 3 ของสัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์จำเลยฉบับดังกล่าว อันเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างด้วย คือจำเลยจะต้องรับโจทก์กลับเข้าทำงานจนกว่าโจทก์จะมีอายุครบ 30ปีบริบูรณ์ ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ต้องพ้นหน้าที่เท่านั้นคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางหาได้กำหนดให้จำเลยต้องจ้างโจทก์ตลอดไปโดยไม่ต้องบังคับตามสัญญาจ้างนั้นไม่ เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2529 ซึ่งโจทก์มีอายุครบ30 ปีบริบูรณ์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2529 และจำเลยได้มีคำสั่งที่ 08/2530 เรื่องให้รับพนักงานกลับเข้าทำงาน โดยให้รับโจทก์กลับเข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2529 เป็นต้นไปจนถึงวันที่โจทก์มีอายุครบ 30 ปีบริบูรณ์ ตามสัญญาจ้างแรงงานฉบับลงวันที่9 ตุลาคม 2521 กับได้จ่ายค่าจ้างในช่วงเวลาดังกล่าวให้แก่โจทก์ โดยนำมาวางศาลไว้เพื่อชำระให้แก่โจทก์ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยครบถ้วนและถูกต้องแล้ว การบังคับคดีจึงเป็นอันสิ้นสุด ส่วนที่โจทก์จำเลยได้ทำข้อตกลงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2530 นั้น เป็นเรื่องนอกเหนือจากคำพิพากษา จึงไม่อาจที่จะนำมาบังคับในคดีนี้ได้ เทียบได้ตามนับคำพิพากษาฎีกาที่ 397/2524
พิพากษากลับ ให้ยกคำขอบังคับคดีของโจทก์.

Share