คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4986/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานเป็นซ่องโจรนั้น ผู้กระทำจะต้องสมคบกันเพื่อกระทำความผิด คือร่วมคบคิดกัน ประชุมปรึกษาหารือกัน หรือการแสดงออกซึ่งความตกลงจะกระทำผิดร่วมกัน อันมีสภาพเป็นการกระทำระหว่างผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ร่วมกันเจรจากับเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปล่อซื้อเสนอขายรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักมาให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจ มีลักษณะที่เป็นการกระทำต่อบุคคลภายนอก การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานซ่องโจร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๒๙ เวลากลางวัน จำเลยทั้งห้ากับพวกได้สมคบร่วมปรึกษาวางแผนกันเพื่อขายรถจักรยานยนต์ซึ่งได้มาโดยการลักทรัพย์ จำเลยกับพวกรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยกับพวกร่วมกันเสนอขายรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักมาให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งไปล่อซื้อ อันเป็นความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจรเพื่อรับของโจร เหตุเกิดที่แขวงศาลาธรรมสหน์ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๐
จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งห้ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๐ วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา ๘๓ ลงโทษจำคุกคนละ ๔ ปี ลดโทษให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๕ คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ จำคุกจำเลยที่ ๑ และที่ ๕ คนละ ๒ ปี ๘ เดือน
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงคงฟังได้แต่เพียงว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕ ร่วมเจรจาขายรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักมาให้แก่ร้อยตำรวจเอกไกรสรเท่านั้น แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๐ ที่โจทก์ฟ้องอ้างว่าการกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕ เป็นความผิดคือความผิดฐานซ่องโจรนั้น ผู้กระทำจะต้องสมคบกันกล่าวคือ ร่วมคบคิดกันหรือการแสดงออกซึ่งความตกลงจะกระทำผิดร่วมกัน เช่นประชุมหารือวางแผนการที่จะกระทำความผิด ดังจะเห็นได้จากบทบัญญัติของมาตรา ๒๑๒ ที่บัญญัติให้เอาความผิดแก่ผู้ที่จัดหาที่ประชุมหรือที่สำนักแก่ซ่องโจร ซึ่งเป็นข้อบังคับสนับสนุนให้เห็นถึงองค์ประกอบของความผิดฐานเป็นซ่องโจรให้เห็นเด่นชัดว่าจะต้องมีการคบคิดประชุมปรึกษาหารือกันเพื่อกระทำความผิด ซึ่งมีสภาพเป็นการกระทำระหว่างผู้ร่วมกระทำผิดด้วย แต่ตามข้อเท็จจริงไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕ ได้มีการคบคิดว่าจะกระทำผิดร่วมกับรับของโจรตามที่โจทก์ฟ้องแต่อย่างใด เป็นแต่เพียงร่วมกันเจรจากับเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปล่อซื้อเสนอขายรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักมาให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจเท่านั้น อันเป็นลักษณะที่เป็นการกระทำต่อบุคคลภายนอก การกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕ ยังไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจร
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share