คำสั่งคำร้องที่ 2056-2059/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ฎีกาของโจทก์ร่วมเป็นการโต้เถียงการฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง หาใช่ปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาของโจทก์ร่วมจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220ไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วม
โจทก์ร่วมเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายยังโต้เถียงสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทกันอยู่จึงฟังไม่ได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ร่วมโดยชอบ โจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย โดยรับฟังพยานบุคคลของจำเลยหักล้างพยานเอกสารของโจทก์ร่วม จึงมีปัญหาว่า ศาลจะรับฟังพยานดังกล่าวได้หรือไม่ฎีกาของโจทก์ร่วมจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีสาระสำคัญอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ร่วมไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยทั้งหกได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 118)
คดีทั้งสี่สำนวน โจทก์ฟ้องเป็นทำนองเดียวกันขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358,359,362,365,83ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน
ระหว่างพิจารณา นางสาวสุไรธีระกาญจน์ ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทุกสำนวน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 115)
โจทก์ร่วมจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 117)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของโจทก์ร่วมล้วนมุ่งหมายให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงผิดแผกไปจากที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา โดยอาศัยพยานหลักฐานในสำนวนจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วมนั้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share