แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยปลอมเอกสารแล้วนำเอกสารปลอมนั้นมาใช้โดยสุจริตเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินกู้จากผู้อื่นอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตาม มาตรา 341 ด้วยนั้น เป็นความผิดในการกระทำกรรมเดียวต้องลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมตาม มาตรา 268 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดแต่เพียงกระทงเดียวตาม มาตรา 90
จำเลยทำปลอมขึ้นซึ่งคำขอและสัญญากู้เงินจากกรมตำรวจอันประกอบด้วยความเห็นของผู้บังคับบัญชารับรองว่าผู้กู้มีความเดือดร้อนและจำเป็นจริงควรให้กู้ได้เป็นกรณีพิเศษพร้อมด้วยบันทึกของผู้บังคับบัญชาซึ่งยอมเป็นผู้ค้ำประกันในการกู้รายนี้ หนังสือที่จำเลยทำปลอมขึ้นนี้เป็นเอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อให้เกิดสิทธิแก่ทางราชการกรมตำรวจที่จะเรียกร้องให้ผู้กู้และผู้ค้ำประกันชำระหนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการตาม มาตรา 266(1)
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยเรียงกระทงความผิดตามมาตรา 264,265, 266 ประกอบด้วยมาตรา 268 จำคุก 6 เดือน 1 ปี และ 1 ปี 6 เดือน ตามมาตรา 341 จำคุก 1 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง จำคุกรวม 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 266 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงกระทงเดียว จำคุก 1 ปี 6 เดือน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “การกระทำของจำเลยตามฟ้องในข้อ (ก)(ข)(ค)(ง) ทั้งหมด คือ ปลอมเอกสารขึ้นรวม 9 ฉบับ แล้วนำเอกสารปลอมทั้ง 9 ฉบับนั้นมาใช้เพื่อหลอกลวงให้กรมตำรวจจ่ายเงินกู้ 10,000 บาทให้จำเลย อันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการและใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266(1) และมาตรา 268 วรรคหนึ่งนั้น มาตรา 268 วรรคสอง บัญญัติให้ลงโทษในฐานใช้เอกสารปลอมแต่กระทงเดียว และการที่จำเลยนำเอกสารปลอมเหล่านั้นมาใช้โดยทุจริตเพื่อหลอกลวงให้ได้มาซึ่งเงินกู้จากกรมตำรวจ อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 ด้วยนั้น ก็เป็นความผิดในการกระทำกรรมเดียวกันนั่นเองเพราะเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินกู้รายเดียวกัน จึงต้องลงโทษจำเลยในฐานใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดแก่จำเลยแต่เพียงกระทงเดียวตามมาตรา 90 แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรม และจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกประการก็ตาม เมื่อการกระทำของจำเลยตามฟ้องทั้งหมดเป็นกรรมเดียวกัน ศาลก็ลงโทษจำเลยเพียงกระทงเดียวตามบทมาตราที่ถูกต้องได้ ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารปลอม เห็นว่าเอกสารนั้นได้ทำขึ้นโดยเจ้าพนักงานซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจ และได้ผ่านการรับรองของผู้บังคับบัญชาของข้าราชการตำรวจที่ขอกู้นั้น อันเป็นการรับรองในหน้าที่ตามลำดับชั้น เพื่อจำเลยจะได้ใช้เอกสารนั้นไปเบิกเงินจากทางราชการกรมตำรวจได้ ถือได้ว่าเป็นการปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266(1)อีกด้วย แต่ศาลอุทธรณ์ได้ตัดบทมาตรา 266 นี้ออกเสียจากบทกำหนดความผิดของจำเลย ทั้งที่เวลาลงโทษศาลอุทธรณ์ก็คงลงโทษจำเลยตามมาตรา 268ประกอบด้วยมาตรา 266 ตามที่จำเลยยอมรับสารภาพตามฟ้องอยู่แล้ว ฉะนั้นศาลฎีกาจึงเห็นควรแก้บทกำหนดความผิดของจำเลยเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,264, 265, 266, 268, 341 ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 266 อันเป็นบทหนักที่สุดแต่กระทงเดียวตามมาตรา 90 ส่วนกำหนดโทษและลดโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”