คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3066-3069/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ แล้วจำเลยสั่งระงับการจ่ายเงิน เพราะโจทก์จำเลยมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับจำนวนหนี้ ไม่เป็นการห้ามจ่ายเงินโดยทุจริต

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย 127,458 บาท และ 300,000 บาท กับลงโทษจำคุก 7 เดือน และ 1 ปี ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ก็คือที่จำเลยทั้งสองอายัดเช็คพิพาทไว้หรือห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้น จำเลยกระทำโดยเจตนาทุจริตดังโจทก์กล่าวหาหรือไม่ ข้อเท็จจริงปรากฏว่าก่อนจำเลยอายัดเช็คพิพาท โจทก์จำเลยมีข้อโต้แย้งกันเกี่ยวกับจำนวนกล้วยที่จำเลยได้ตัดไปตามสัญญาถึงกับโจทก์ได้เอาผู้ใหญ่บ้านกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจนับกล้วย หลังจากนั้นโจทก์เอาบัญชีให้จำเลยดูและว่าจำเลยตัดกล้วยไป 8,500 เครือเศษ แต่เมื่อจำเลยตรวจดูบัญชีของจำเลยแล้ว ปรากฏว่าบัญชีของโจทก์กับของจำเลยไม่ตรงกัน บัญชีของโจทก์มากกว่าของจำเลย 43,000 กว่าเครือ จำเลยขอให้โจทก์เอาบัญชีมาคิดกันใหม่ โจทก์ก็ไม่ยอมคิดให้ต่อมาปรากฏว่าจำเลยเอากล้วยที่จำเลยตัดแล้วออกจากสวนของโจทก์ไม่ได้ เพราะคนงานของโจทก์ปิดประตูใส่กุญแจทางเข้าออกและยกพวกตีคนงานของจำเลยและทำร้ายจำเลย จำเลยจึงได้ไปอายัดเช็คพิพาทไว้ ศาลฎีกาเห็นว่าเหตุที่จำเลยอายัดเช็คพิพาทไว้ หรือห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นก็เพราะโจทก์จำเลยยังมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับจำนวนกล้วยที่จำเลยตัดไปจากสวนของโจทก์โดยโจทก์ว่าจำเลยตัดกล้วยไปครบจำนวนตามข้อตกลงแล้ว แต่จำเลยว่าจำเลยตัดกล้วยยังไม่ครบจำนวนตามข้อตกลง เมื่อโจทก์ไม่ยอมให้จำเลยเอากล้วยที่จำเลยตัดแล้วออกจากสวนของโจทก์ จำเลยจึงได้ไปอายัดเช็คพิพาทไว้ กรณีเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยเจตนาทุจริตดังโจทก์กล่าวหา”

พิพากษายืน

Share