คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2790/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. จำเลยก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวในหนี้ของห้างหุ้นส่วนดังกล่าวโดยไม่จำกัดจำนวนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1077 (2) แม้เจ้าหนี้ยังไม่เคยทวงถามและห้างหุ้นส่วนจำกัด ท.ยังไม่ผิดนัดชำระหนี้ก็เป็นเพียงเหตุที่เจ้าหน้าที่จะเรียกให้จำเลยชำระหนี้ยังไม่ได้ตาม มาตรา 1070 ประกอบด้วยมาตรา 1080 เท่านั้น ซึ่งในกรณีนี้พระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 94 บัญญัติว่า “เจ้าหนี้ไม่มีประกัน อาจขอรับชำระหนี้ได้ ถ้ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อน วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ แม้ว่าหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนดชำระหรือมีเงื่อนไขก็ตาม ฯลฯ” ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยชั่วคราว และในวันเดียวกันนั้นห้างหุ้นส่วน จำกัด ท. เป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีแก่เจ้าหนี้อยู่เป็นเงิน 987,881.78 บาท จึงถือได้ว่า เจ้าหนี้ดังกล่าวเป็นเจ้าหนี้ของจำเลย และมีสิทธิขอรับชำระหนี้จำนวนนั้นจากกองทรัพย์สินของจำเลยได้

ย่อยาว

คดีเดิมโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ศาลชั้นต้นสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๗ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ๕ รายการ สำหรับรายการที่ ๕ ซึ่งเป็นรายการที่พิพาทคดีนี้คือหนี้ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไทยเฮงหลงแปดริ้วโดยจำเลยในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีธนาคารเจ้าหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วทำความเห็นเกี่ยวกับหนี้รายการที่ ๕ ว่า จำเลยจะต้องรับผิดก็ต่อเมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยเฮงหลงแปดริ้วผิดนัด แต่ปรากฏว่าก่อนศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลย ห้าง ฯ ยังไม่ได้ผิดนัด เจ้าหนี้จึงเรียกร้องให้จำเลยรับผิดในฐานะส่วนตัวยังไม่ได้ หนี้รายนี้เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยในรายการที่ ๕ ในฐานะจำเลยเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดของห้างฯ ไทยเฮงหลงแปดริ้ว
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหนี้รายนี้ได้ความเป็นยุติโดยคู่ความมิได้โต้แย้งกันว่า ห้างฯไทยเฮงหลงแปดริ้ว จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดมีจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๐๗ ห้างฯ ไทยเฮงหลงแปดริ้วได้เปิดบัญชีกระแสรายวันและตกลงเบิกเงินเกินบัญชีชั่วคราวไว้กับธนาคารเจ้าหนี้ หลังจากนั้นห้างฯไทยเฮงหลงแปดริ้วได้สั่งจ่ายเช็คเบิกเงินเกินบัญชีและนำเงินเข้าบัญชีกระแสรายวันเรื่อยมา โดยเจ้าหนี้ยังไม่เคยทวงถามให้ห้างฯ ดังกล่าวชำรหนี้ จนถึงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๗ ห้างฯ ไทยเฮงหลงแปดริ้วเป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีแก่เจ้าหนี้อยู่เป็นเงิน ๙๘๗,๘๘๑.๗๘ บาท และในวันเดียวกันนี้ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์จำเลยชั่วคราว ครั้นวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๑๘ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์จำเลยเด็ดขาด และต่อมาในวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๑๘ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ๑๐๙/๒๕๑๘ ของศาลชั้นต้นให้พิทักษ์ทรัพย์ห้างฯ ไทยเฮงหลงแปดริ้วชั่วคราว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกาอ้างว่า หนี้รายการที่ ๕ เป็นหนี้ของห้างฯ ไทยเฮงหลงแปดริ้วมิใช่หนี้ที่จำเลยต้องรับผิดเป็นส่วนตัว เจ้าหนี้จะยื่นขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ไม่ได้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดของห้างฯ ไทยเฮงหลงแปดริ้วจำเลยก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวในหนี้ของห้างฯ ดังกล่าวโดยไม่จำกัดจำนวนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๗๗ (๒) แม้เจ้าหนี้ยังไม่เคยทวงถามและห้างฯไทยเฮงหลงแปดริ้วยังไม่ผิดนัดชำระหนี้ก็เป็นเพียงเหตุที่เจ้าหนี้จะเรียกให้จำเลยชำระหนี้ยังมิได้ตามมาตรา ๑๐๗๐ ประกอบด้วย มาตรา ๑๐๘๐ เท่านั้น ซึ่งในกรณีนี้พระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ บัญญัติว่า “เจ้าหนี้ไม่มีประกันอาจขอรับชำระหนี้ได้ ถ้ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แม้ว่าหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนดชำระ หรือมีเงื่อนไขก็ตาม ฯลฯ” เมื่อปรากฏว่าในวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๗ ห้างฯไทยเฮงหลงแปดริ้วเป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชีแก่เจ้าหนี้อยู่เป็นเงิน ๙๘๗,๘๘๑.๗๘ บาท และในวันเดียวกันนั้นศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยชั่วคราว จึงถือได้ว่าเจ้าหนี้เป้นเจ้าหนี้ของจำเลย และมีสิทธิขอรับชำระหนี้รายการที่ ๕ ตามจำนวนดังกล่าวจากกองทรัพย์สินของจำเลยได้
พิพากษายืน.

Share