คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้วต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องคดีที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้พิทักษ์ทรัพย์ตามศาลชั้นต้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการต่อไปจากเดิมได้ ไม่ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามประกาศของ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ใหม่ ซึ่งเพียงแต่เจ้าหนี้ที่ยังไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระไว้เดิมยื่นคำขอเข้ามาได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์อนุญาตให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ได้ เจ้าหนี้ผู้คัดค้านฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาในชั้นนี้ว่านายไพโรจน์เจ้าหนี้ซึ่งได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้แล้ว มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ใหม่อีก จะมีสิทธิได้รับชำระหนี้หรือไม่

พิเคราะห์แล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยลูกหนี้เด็ดขาด นายไพโรจน์เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลา ซึ่งเป็นการชอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 27, 91 แล้ว แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ จะมีผลให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หมดอำนาจที่จะดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ต่อไปก็ตามแต่คดียังไม่ถึงที่สุด เมื่อศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาอุทธรณ์ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยลูกหนี้เด็ดขาดถึงที่สุดแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ที่กระทำมาแล้วรวมทั้งดำเนินการในเรื่องคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ต่อไปได้หามีกฎหมายบัญญัติให้ยกเลิกกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายที่ดำเนินการมาโดยชอบแล้วไม่ โดยเฉพาะคำขอรับชำระหนี้ของนายไพโรจน์เจ้าหนี้ที่ยื่นไว้เดิมแล้วนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ได้ทำการสอบสวนและมิได้ประกาศให้ยกเลิกแต่อย่างใด ประกาศของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม2518 ก็เพียงแต่ให้เจ้าหนี้ที่ยังไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ให้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เท่านั้นไม่รวมถึงนายไพโรจน์เจ้าหนี้หรือเจ้าหนี้อื่นซึ่งได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ก่อนแล้ว และการที่นายไพโรจน์เจ้าหนี้ไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ใหม่อีกจะถือว่าไม่ประสงค์จะขอรับชำระหนี้ต่อไปดังที่เจ้าหนี้ผู้คัดค้านฎีกามิได้คำพิพากษาฎีกาที่ 1808/2512 ที่เจ้าหนี้ผู้คัดค้านยกขึ้นอ้างมานั้น เป็นกรณีเจ้าหนี้มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ จะนำมาปรับกับข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ได้”

พิพากษายืน

Share