คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ยกฟ้อง ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด อำนาจการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแพ่งต่อไปย่อมเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 25 แต่เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าคดีหรือมีคำขอให้จำหน่ายคดีก็ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แม้จำเลยจะขอให้จำหน่ายคดี และโจทก์ไม่ค้านก็ตาม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 กระทำการแทนจำเลยที่ 1 ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่2 เป็นตัวแทนเชิดศาลก็ย่อมวินิจฉัยให้จำเลยที่ 1 รับผิดในการกระทำของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนเชิดได้เพราะความรับผิดของตัวแทนกับตัวแทนเชิดมีลักษณะอย่างเดียวกัน ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
การที่จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1ยอมให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเพียงหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในสัญญาขายลดเช็คกับโจทก์ในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และประทับตราจำเลยที่ 1 ในสัญญาดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 5 ได้เชิดจำเลยที่ 2 หรือยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตนเองเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1จึงต้องรับผิดตามสัญญาขายลดเช็คต่อโจทก์ผู้สุจริตเสมือนว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการตามลำดับ จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ทำสัญญาขายลดตั๋วเงินไว้กับโจทก์หากโจทก์ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ จำเลยยอมรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์จำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 ทำสัญญาค้ำประกันไว้กับโจทก์โดยยอมรับผิดในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วม ต่อมาจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2นำเช็คมาขายลดรวม 3 ฉบับ เช็ค 2 ฉบับแรกจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 4 ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย ส่วนฉบับที่ 3 จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย โจทก์รับซื้อและให้จำเลยที่ 1โดยจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลัง แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงขอให้จำเลยทั้งห้าชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 5 ให้การว่า จำเลยที่ 1 จะขายลดตั๋วเงินแก่โจทก์หรือไม่ ไม่รับรอง จำเลยไม่เคยทำหนังสือค้ำประกันจำเลยที่ 1ต่อโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า ระหว่างทำสัญญาขายลดเช็คและนำเช็คมาขายลดแก่โจทก์ จำเลยที่ 2 มิได้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 และไม่มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 สัญญาขายลดเช็คและการที่จำเลยที่ 2 นำเช็คไปขายจึงไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงนามในสัญญาขายลดเช็คและเป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาทยังคงต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 3 และที่ 5 ในฐานะผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 4 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วยพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5
โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 รับผิดตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 5 ยื่นคำแถลงว่าศาลแพ่งได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 5 เด็ดขาดเมื่อวันที่ 21กุมภาพันธ์ 2527 ขอให้จำเหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 5 โจทก์ไม่ค้าน ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 5 แล้ว เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 25 เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าคดีหรือมีคำขอให้จำหน่ายคดี จึงให้ดำเนินกระบวนพิจารณาสำหรับจำเลยที่ 5 ต่อไป
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 5 ลงลายมือชื่อในสัญญาค้ำประกันจริง แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เชิดหรือยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตนเองเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 นั้น ศาลจะวินิจฉัยให้จำเลยที่ 1รับผิดในการกระทำของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนเชิดได้หรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้แล้วว่า จำเลยที่ 2 กระทำการแทนจำเลยที่ 1 ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนเชิด ศาลก็ย่อมวินิจฉัยให้จำเลยที่ 1 รับผิดในการกระทำของจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นตัวแทนเชิดได้ เพราะความรับผิดของตัวแทนกับตัวแทนเชิดมีลักษณะอย่างเดียวกันไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
ส่วนปัญหาว่า การที่จำเลยที่ 5 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาค้ำประกันการขายลดเช็คเอกสารหมาย จ.5ที่จำเลยที่ 2 อ้างว่า ทำแทนจำเลยที่ 1 นั้น ถือได้หรือไม่ว่าจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 5 หุ้นส่วนผู้จัดการได้เชิดจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนหรือยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตนเองเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่จำเลยที่ 5 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 1 ยอมให้จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อในสัญญาขายลดเช็คเอกสารหมาย จ.5 ในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 1 และประทับตราห้างจำเลยที่ 1 ในเอกสารดังกล่าวด้วยทั้ง ๆ ที่จำเลยที่ 5 ทราบดีว่า จำเลยที่ 2 เป็นเพียงหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 1 เท่านั้น ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 5 หุ้นส่วนผู้จัดการได้เชิดจำเลยที่ 2หรือยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตนเองเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดตามสัญญาขายลดเช็คเอกสารหมายจ.5 ต่อโจทก์ผู้สุจริตและมิได้ล่วงรู้ถึงความจริงเสมือนว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 4 ในฐานะผู้ค้ำประกันสัญญาขายลดเช็คดังกล่าวและผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.7 และ จ.8 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ด้วย สำหรับจำเลยที่ 5 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยดังกล่าวในฐานะผู้ค้ำประกัน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5ร่วมกับจำเลยที่ 2 รับผิดชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share