แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา910 วรรคสุดท้าย บัญญัติไว้ความว่า ถ้าตั๋วเงินมิได้ลงวันออกตั๋วผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดทำการโดยสุจริตจะจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นจำเลยผู้สั่งจ่าย หรือผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดเป็นผู้ลงวันออกเช็คพิพาทก็ไม่ทำให้ความสมบูรณ์ของเช็คเสียไปคดีไม่จำต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้ลงวันออกเช็คด้วยตนเองหรือไม่
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 50,000 บาทตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าจำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือแล้วมอบให้นายวิฑูรย์ ต่อมานายวิฑูรย์สลักหลังโอนเช็คพิพาทให้โจทก์ เมื่อถึงกำหนดใช้เงินโจทก์นำเช็คพิพาทเข้าธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่เรียกเก็บเงินไม่ได้โดยธนาคารอ้างว่าบัญชีปิดแล้ว คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยจะต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คหรือไม่ และฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือซึ่งย่อมโอนให้กันได้เพียงด้วยส่งมอบ เมื่อนายวิฑูรย์สลักหลังโอนเช็คให้โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 และจำเลยหาอาจจะต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับนายวิฑูรย์ซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อนได้ไม่ เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉลตามมาตรา 916 ฉะนั้นข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าเมื่อจำเลยมอบเช็คพิพาทให้นายวิฑูรย์แล้ว นายวิฑูรย์มิได้นำเงิน 50,000 บาทตามเช็คไปมอบให้จำเลยนั้น จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงคนหลังไม่ได้ ทั้งข้อที่จำเลยอ้างว่านายวิฑูรย์กับโจทก์เป็นน้าหลานกัน และโจทก์มิได้ฟ้องให้นายวิฑูรย์ซึ่งเป็นผู้สลักหลังเช็คให้ต้องรับผิดด้วย ก็ยังฟังไม่ได้ว่านายวิฑูรย์โอนเช็คพิพาทให้โจทก์โดยคบคิดกันฉ้อฉล จำเลยจึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็ค ส่วนเรื่องอายุความที่จำเลยอ้างว่า จำเลยมิได้ลงวันออกเช็คจำเลยมอบเช็คพิพาทให้นายวิฑูรย์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2519 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2521 ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความนั้น เห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910 วรรคสุดท้ายบัญญัติไว้ความว่า ถ้าตั๋วเงินมิได้ลงวันออกตั๋ว ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดทำการโดยสุจริตจะจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้ ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นจำเลย หรือผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดเป็นผู้ลงวันออกเช็คพิพาท ก็ไม่ทำให้ความสมบูรณ์ของเช็คเสียไป จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยได้ลงวันออกเช็คด้วยตนเองหรือไม่ และปรากฏว่าเช็คพิพาทลงวันออกเช็ควันที่ 31 มีนาคม 2520 การฟ้องคดีของโจทก์จึงยังไม่พ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่วันเช็คถึงกำหนด คดีจึงไม่ขาดอายุความ”
พิพากษายืน